Page 103 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 103
คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)
ใบความรู้ที่ ๑.๓
การเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยที่ดี
อรรถกถาคิลานสูตร : การเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยที่ดี
พึงทราบวินิจฉัย ในคิลานสูตรที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า สปฺปายานิ ได้แก่ เป็นประโยชน์เกื้อกูล คือ ทำความเจริญให้สูงขึ้นไป บทว่า ปฏิรูป แปลว่า
สมควร. ด้วยบทว่า เนว วุฏฺาติตมฺหา อาพาธา นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึง คนไข้ ที่เข้าขั้นตรีทูตแล้ว
ประกอบด้วยโรคลม และโรคลมบ้าหมู เป็นต้น ที่รักษาไม่ได้ ด้วยบทว่า วุฏฺาติ ตมฺหาอาพาธา นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสถึงอาพาธเล็กๆ น้อยๆ แยกประเภทเป็น โรคอาเจียน หิตด้าน และไข้เปลี่ยนฤดู เป็นต้น
ก็ด้วยบทว่า ลภนฺโต สปฺปายานิ โภชนานิ โน อลภนฺโต นี้
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสถึงอาพาธทุกชนิดที่จะหายได้ด้วยการรักษา ก็ในสูตรนี้
ที่ชื่อว่า อุปัฏฐาก (ผู้พยาบาล) ที่เหมาะสมนั้น พึงทราบว่า ได้แก่ ผู้ที่ฉลาดขยัน ไม่เกียจคร้าน ประกอบด้วย
องค์คุณของผู้พยาบาลไข้
บทว่า คิลานุปฏฺาโก อนุญฺญาโต ได้แก่ คิลานุปัฏฐากที่ทรงอนุญาตไว้ว่า ภิกษุสงฆ์พึงให้ อธิบายว่า
เมื่อภิกษุไข้นั้นไม่สามารถจะพยาบาลตามธรรมดาของตนได้ ภิกษุสงฆ์ต้องมอบหมายภิกษุรูปหนึ่งและสามเณร
รูปหนึ่ง ให้แก่เธอว่า จงปฏิบัติภิกษุนี้ ก็ตลอดเวลาที่ภิกษุและสามเณรผู้อุปัฏฐากทั้งสองนั้น ปฏิบัติภิกษุไข้นั้น
อยู่ ภิกษุไข้ก็ดี ผู้ปฏิบัติทั้งสองนั้นก็ดี มีความต้องการสิ่งใด สิ่งนั้นทั้งหมดเป็นภาระของภิกษุสงฆ์ทั้งนั้น
บทว่า อญฺเญปิ คิลานา อุปฏฺาตพฺพา ความว่า ผู้ป่วยไข้แม้นอกนี้สงฆ์ก็ควรอุปัฏฐาก ถามว่า
เพราะเหตุไร แก้ว่า เพราะผู้ที่อาพาธถึงขั้นตรีทูตเมื่อสงฆ์ไม่อุปัฏฐากจะทำความขุ่นเคืองใจว่า ถ้าหากภิกษุ
ทั้งหลายพยาบาลเราก็จักหาย แต่ภิกษุทั้งหลายไม่พยาบาลเราเลย แล้วจะพึงไปเกิดในอบาย แต่เมื่อสงฆ์พยาบาล
อยู่ เธอจะมีความคิดอย่างนี้ว่า ภิกษุสงฆ์ได้กระทำกรรมที่ควรทำแล้ว แต่อาพาธเช่นนี้เป็นกรรมวิบากของเราเอง
เธอจะเจริญเมตตาไปในภิกษุสงฆ์ แล้วจักเกิดในสวรรค์ ส่วนภิกษุใดประกอบด้วยอาพาธเล็กน้อย ถึงจะได้
อุปัฏฐากก็หายไม่ได้ก็หายทั้งนั้น อาพาธของภิกษุนั้น แม้จะเว้นจากยาก็หายได้ แต่เมื่อปรุงยาถวายจะหายได้เร็ว
กว่า ต่อจากนั้น เธอก็สามารถจะเรียนพระพุทธพจน์ หรือบำเพ็ญสมณธรรมได้ ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงตรัสว่า แม้ภิกษุผู้อาพาธเหล่าอื่น สงฆ์ก็ควรอุปัฏฐาก
บทว่า เนว โอกฺกมติ ได้แก่ ไม่เข้าไปสู่ทาง (ไม่ถูกทาง) บทว่า นิยามํกุสเลสุ ธมฺเมสุ สมฺมตฺต ได้แก่
ความถูกกล่าว คือ ถูกครรลองในกุศลธรรมทั้งหลาย (ถูกต้องทำนองคลองธรรม) ด้วยบทนี้ เป็นอันตรัส หมายถึง
บุคคลผู้เป็นปทปรมะ โดยวาระที่ ๒ ทรงหมายเอา อุคฆฏิตัญญูบุคคล เช่น พระนาลกเถระในพระศาสนา ได้รับ
โอวาทในสำนักของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายเพียงครั้งเดียว ก็ได้แทงตลอดปัจเจกโพธิญาณทันทีในพุทธันดร.
โดยวาระที่ ๓ ตรัสหมายถึง วิปจิตัญญูบุคคล ส่วนเนยยบุคคลก็ต้องอาศัยนัยนั่นแหละ (จึงจะได้ตรัสรู้)
๒๗