Page 110 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 110

คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)



                      สิ่งสำคัญที่พระพุทธองค์ทรงมีวัตถุประสงค์ ในการที่ทรงบัญญัติพระวินัยขึ้นมาก็เพื่อประโยชน์
               อันไพศาล มิใช่จำเพาะกลุ่มหรือเพื่อพระพุทธองค์เอง ทั้งนี้เพื่อให้พระภิกษุตระหนักไม่เพิกเฉย หรือละเลย
               ดังวัตถุประสงค์ที่ว่า

                           เพื่อความตั้งอยู่ด้วยดีแห่งสงฆ์
                           เพื่อความอยู่สำราญแห่งสงฆ์
                           เพื่อข่มบุคคลผู้แก้อยาก

                           เพื่อการอยู่สำราญแห่งภิกษุทั้งหลายผู้มีศีลเป็นที่รัก
                           เพื่อป้องกันอาสวะทั้งหลายอันเป็นไปในปัจจุบัน

                           เพื่อกำจัดอาสวะทั้งหลายอันเป็นไปในสัมปรายภพ
                           เพื่อความเลื่อมใสแห่งบุคคลทั้งหลายผู้ยังไม่เลื่อมใส
                           เพื่อความเจริญยิ่งแห่งความเลื่อมใสของบุคคลทั้งหลายผู้เลื่อมใสแล้ว

                           เพื่อความตั้งมั่นแห่งสัทธรรม
                           เพื่ออนุเคราะห์พระวินัย

                      ในวัตถุประสงค์ทั้ง ๑๐ ข้อนี้ ย่อได้ ๕ หมวด คือ

                           เพื่อประโยชน์แก่สงฆ์หรือส่วนรวม    ได้แก่  ความในข้อที่ ๑ และ ๒
                           เพื่อประโยชน์แก่ตัวบุคคล         ได้แก่  ความในข้อที่ ๓ และ ๔
                           เพื่อประโยชน์แก่ชีวิตของมนุษย์เอง    ได้แก่  ความในข้อที่ ๕ และ ๖

                           เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนทั่วไป     ได้แก่  ความในข้อที่ ๗ และ ๘
                           เพื่อประโยชน์แก่ตัวพระศาสนา      ได้แก่  ความในข้อที่ ๙ และ ๑๐

                      มีเหตุการณ์ที่เป็นจุดแห่งการคำนึงถึงความดำรงอยู่แห่งพระพุทธศาสนาอยู่เหตุการณ์หนึ่ง คือ ภายหลัง

               พุทธปรินิพพานไปแล้วเพียง ๗ วัน รอยร้าวแห่งสังฆมณฑลได้เริ่มเผยโฉมออกมาอย่างโจ่งแจ้ง โดยที่มีพระภิกษุ
               รูปหนึ่งผู้บวชเมื่อแก่ นามว่า สุภัททะ ได้กล่าวจ้วงจาบ คือ กล่าวตู่หรือกล่าวติเตียนพระธรรมวินัยโดยประการต่างๆ
               และแสดงความดีใจอย่างออกหน้าออกตาในการปรินิพพานของพระพุทธองค์ ใช่ว่าจะมีแต่สุภัททะก็หาไม่

               แต่ยังมีภิกษุที่เป็นฝักฝ่ายของพระเทวทัตอีกมากที่มีความเห็นเช่นเดียวกับพระสุภัททะ ด้วยวาทะที่ได้กล่าว
               ในท่ามกลางภิกษุทั้งหลายในคราวนั้นว่า

                      “อย่าอาวุโส พวกท่านอย่าเศร้าโศก อย่าร่ำไรไปเลย พวกเราพ้นดีแล้ว ด้วยว่าพระมหาสมณะนั้น
               เบียดเบียนพวกเราอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอ สิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ ก็บัดนี้ พวกเราปรารถนาสิ่งใด ก็จักกระทำสิ่งนั้น
               ไม่ปรารถนาสิ่งใด ก็จักไม่กระทำสิ่งนั้น”

                      ถ้อยคำของสุภัททะทำให้ท่านมหากัสสปะ สังฆพฤฒาจารย์ คือ พระสงฆ์ผู้อาวุโสที่สุดนั้นมาใคร่ครวญ
               คำนึงด้วยความวิตกและสังเวช พร้อมกับดำริที่จะชำระมลทินเพื่อธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา รักษาพระธรรมไว้
               จึงชักชวนพระอรหันต์สาวกทั้งหลายดังนี้ว่า… “เอาเถิด ท่านทั้งหลาย พวกเราจงสังคายนาพระธรรมและ

               วินัยเถิด ในภายหน้าสภาวะมิใช่ธรรมจักรุ่งเรือง ธรรมจักเสื่อมถอย สภาวะมิใช่วินัยจักรุ่งเรือง วินัยจักเสื่อมถอย
               ภายหน้าอธรรมวาทีบุคคลจะมีกำลัง ธรรมวาทีบุคคลจักเสื่อมกำลัง อวินัยวาทีบุคคลจักมีกำลัง วินัยวาทีบุคคล
               จักเสื่อมกำลัง”	หน้าที่ในการธำรงรักษาพระธรรมวินัยจึงเป็นสาระที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในหลายๆ หน้าที่ของ

               พระสงฆ์นับแต่สมัยพุทธกาลเป็นต้นมา


                                                        ๓๔
   105   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115