Page 146 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 146

คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)



                                                ระบบภูมิคุ้มกัน


               ภูมิคุ้มกันของร่างกาย
                      การที่บุคคลใดจะเกิดโรคขึ้นจะต้องอาศัยปัจจัย ๓ ประการ คือ ตัวเชื้อโรค บุคคลและสิ่งแวดล้อม

               บางคนเจ็บป่วยได้ง่าย แต่บางคนไม่ค่อยเจ็บป่วย ทั้งที่ๆ มีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายอยู่เสมอ เนื่องจากร่างกายของ
               คนเรามีความต้านทาน หรือภูมิคุ้มกันโรคนั่นเอง
































                      ภูมิคุ้มกันโรค (Immunity) หมายถึง ร่างกายมีความต้านทานเกิดจากมีกลไกป้องกันหรือต่อต้าน

               โรคใดโรคหนึ่งโดยเฉพาะ และภูมิคุ้มกันโรคนี้อาจจะเป็นเพียงชั่วคราวหรือตลอดไปก็ได้
                      ภูมิคุ้มกันโรคโดยทั่วไป อาจแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด ดังนี้

                      ๑.   ภูมิคุ้มกันโรคที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (Natural Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันโรคที่ถ่ายทอดมาทาง
               สายเลือด โดยมารดาจะถ่ายทอดผ่านทางรกมาสู่ทารกในครรภ์ ดังนั้น ทารกที่เกิดใหม่จะมีภูมิคุ้มกันโรคบางชนิด
               เช่น โรคคอตีบ โรคหัด และไข้ทรพิษได้เองตามธรรมชาติ แต่ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติเหล่านี้คงอยู่ได้ประมาณ

               ๓ เดือนหลังคลอด ต่อจากนั้นทารกจะมีภูมิคุ้มกันโรคลดลง
                           นอกจานี้ร่างกายของคนเราโดยทั่วไปยังมีผิวหนัง เยื่อเมือกต่างๆ เช่น เยื่อตาและเยื่อจมูก
               น้ำย่อยอาหาร และเม็ดเลือดขาวไว้สำหรับคุ้มกันโรคตามธรรมชาติอีกด้วย ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติเหล่านี้

               จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ เพศ อายุ และความสมบรูณ์ของบุคคลเหล่านั้นๆ

                      ๒.   ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นหลังคลอด
               ออกจากครรภ์มารดาแล้ว

                      	    ภูมิคุ้มกันโรคชนิดนี้ ยังแบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ
                           ๒.๑  ประเภทที่เกิดขึ้นภายหลังจากหายป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น ไข้ทรพิษ หัด อีสุกอีใส คางทูม
               เป็นต้น ภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นนี้ อาจมีอยู่ระยะเวลาหนึ่งหรือมีอยู่ได้นานตลอดชีวิตก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค

               และสภาพของบุคคลด้วย


                                                        ๗๐
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151