Page 151 - แนวทางการขอใช้ที่ศาสนสมบัติของหน่วยงาน
P. 151
หน้า ๓
เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มีนาคม ๒๕๖๑
ให้อธิบดีอัยการ สํานักงานการยุติการดําเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ เป็นกรรมการและ
เลขานุการ และรองอธิบดีอัยการ สํานักงานการยุติการดําเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ
ที่อัยการสูงสุดมอบหมายจํานวนหนึ่งคน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ข้อ ๖ ให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอํานาจ ดังต่อไปนี้
(๑) พิจารณาชี้ขาดการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ
(๒) พิจารณาชี้ขาดความเห็นแย้งกรณีอัยการสูงสุดเห็นว่าควรยุติการดําเนินคดีของหน่วยงานของรัฐ
(๓) ดําเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทซึ่งอยู่ในหน้าที่และอํานาจของคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี
ตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย
(๔) เสนอแนะความเห็นและแนวทางปฏิบัติในการยุติข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐ
การดําเนินคดี และเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อคณะรัฐมนตรี
(๕) เรียกให้คู่กรณี หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง หรือบุคคลใดมาชี้แจงข้อเท็จจริง
จัดส่งเอกสารหรือพยานหลักฐาน จัดทําคําแปลภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย และให้ผู้เชี่ยวชาญ
ทําการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน เพื่อประกอบการพิจารณา
(๖) วางระเบียบหรือแนวปฏิบัติ เพื่อให้การดําเนินการตามระเบียบนี้เป็นไปโดยรวดเร็วและ
มีประสิทธิภาพ
ข้อ ๗ การประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวน
กรรมการทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
ในการประชุมของคณะกรรมการ ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การพิจารณาชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการ
ลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ ๘ คณะกรรมการจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด
ตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้
ให้นําความในข้อ ๗ มาใช้บังคับกับการประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
ข้อ ๙ ให้สํานักงานการยุติการดําเนินคดีแพ่งและอนุญาโตตุลาการ สํานักงานอัยการสูงสุด
ทําหน้าที่สํานักงานเลขานุการของคณะกรรมการ และให้มีหน้าที่และอํานาจ ดังต่อไปนี้
(๑) ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานจากคู่กรณีทุกฝ่าย เพื่อทําความเห็น
เสนอต่ออัยการสูงสุดในการดําเนินการตามระเบียบนี้
(๒) เรียกให้คู่กรณี หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง หรือบุคคลใดมาชี้แจงข้อเท็จจริง
จัดส่งเอกสารหรือพยานหลักฐาน จัดทําคําแปลภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย และให้ผู้เชี่ยวชาญ
ทําการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐาน เพื่อประกอบการพิจารณา