Page 154 - แนวทางการขอใช้ที่ศาสนสมบัติของหน่วยงาน
P. 154
หน้า ๖
เล่ม ๑๓๕ ตอนพิเศษ ๔๙ ง ราชกิจจานุเบกษา ๖ มีนาคม ๒๕๖๑
ข้อ ๑๘ ในกรณีที่คําวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการอาจมีผลกระทบต่อส่วนได้เสียของ
บุคคลภายนอกซึ่งไม่อาจยุติได้ในฝ่ายบริหาร คณะกรรมการจะไม่พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดก็ได้
ข้อ ๑๙ การทบทวนคําวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการจะกระทําได้เมื่อมีพยานหลักฐานใหม่
อันสําคัญและไม่อาจเสนอได้ก่อนการพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการ
ข้อ ๒๐ ให้สํานักงานอัยการสูงสุดจัดทํารายงานสรุปคําวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการเสนอต่อ
คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบทุกหกเดือน
หมวด ๓
การพิจารณาดําเนินคดีระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน
ข้อ ๒๑ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่กับเอกชนในทางแพ่ง
หรือกรณีที่หน่วยงานของรัฐจําเป็นต้องใช้สิทธิทางศาล ให้ส่งเรื่องให้สํานักงานอัยการสูงสุดหรือพนักงานอัยการ
ซึ่งมีหน้าที่และอํานาจดําเนินคดีเรื่องนั้นโดยตรงดําเนินการ
รัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐที่ดําเนินธุรกิจการค้าหรือการบริการเป็นปกติธุระ และมีข้อพิพาท
อันเกี่ยวกับธุรกิจการค้าหรือการบริการนั้น อาจดําเนินคดีเองโดยไม่ส่งเรื่องให้สํานักงานอัยการสูงสุด
หรือพนักงานอัยการดําเนินการก็ได้
ในการดําเนินการฟ้องร้องคดีทุกประเภท ให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รวบรวม
พยานหลักฐานให้ครบถ้วนและรีบส่งเรื่องไปยังพนักงานอัยการก่อนครบกําหนดอายุความไม่น้อยกว่าสามเดือน
เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐส่งเรื่องให้สํานักงานอัยการสูงสุดหรือพนักงานอัยการดําเนินการ
ตามวรรคหนึ่งหรือรับผิดชอบดําเนินคดีเองตามวรรคสอง หน่วยงานของรัฐดังกล่าวอาจว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ
เฉพาะด้านเพื่อช่วยดําเนินการในเรื่องนั้นด้วยก็ได้
ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีข้อพิพาทที่มีความจําเป็นจะต้องใช้ความรู้ทางเทคนิคเฉพาะ
ในประเด็นอันเป็นสาระสําคัญแห่งคดีหรือเป็นการดําเนินคดีในต่างประเทศ หน่วยงานของรัฐนั้นสามารถ
จ้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านดําเนินคดีได้
ข้อ ๒๒ ในกรณีที่พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนั้นหน่วยงานของรัฐอยู่ในฐานะ
เสียเปรียบหรือการดําเนินคดีไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือไม่คุ้มค่า ให้แจ้งฐานะคดีและความเห็นควรยุติ
เรื่องให้หน่วยงานของรัฐพิจารณา หากหน่วยงานของรัฐเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของพนักงานอัยการ
ให้การดําเนินคดีเรื่องนั้นเป็นอันยุติ
ข้อ ๒๓ ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐมีความเห็นขัดหรือแย้งกับความเห็นของพนักงานอัยการ
ตามข้อ ๒๒ ให้แจ้งความเห็นไปยังพนักงานอัยการ และให้พนักงานอัยการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา