Page 157 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 157
คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)
น้ำมะพร้าว คือ ชำระล้าง ฟื้นฟูพลัง และเยียวยาปัญหาสุขภาพ แต่กาแฟและชาก่อให้เกิดมลพิษและทำให้
มีพลังงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนน้ำตาลขัดขาวต้องการแคลเซียมมาย่อยตัวมันเอง ดังนั้นมันจะดูดแคลเซียม
จากร่างกายของเราไปย่อย พบว่าเมื่อคนเราอายุย่างเข้า ๒๑ - ๒๒ ปี จะมีปัญหาเรื่องฟัน ทั้งนี้เพราะกินน้ำตาลขัดขาว
เข้าไปมาก ส่วนนมถือว่าดีมากสำหรับเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ ควรดื่มเฉพาะนมแม่ และดื่มถึงอายุ ๒ ขวบเท่านั้น”
ดร.เจค็อบ บอกด้วยว่า ในมื้อเช้าและมื้อเย็นควรกินผลไม้ ส่วนมื้อกลางวันกินข้าวกล้อง ผักสด
และอาหารมังสวิรัติ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่สามารถปรับเปลี่ยนมากินข้าวมื้อเย็น
และกินผลไม้มื้อกลางวัน หรือกินข้าวมื้อเช้าก็ได้ สำหรับผู้ป่วยอาการหนักบางคนอาจจะต้องให้งดข้าวกินแต่
ผลไม้ทั้งสามมื้อ
กล่าวคือผลไม้จะช่วยฟื้นฟูพลังและชำระล้าง อาหารปรุงสุกอันดับแรกจะให้พลัง และอันดับ ๒
จะทำให้เกิดสารพิษและของเสีย แต่ถ้ากินปลา ไข่ หรือเนื้อสัตว์สิ่งเหล่านี้จะให้สารพิษมาเป็นอันดับ ๑ ไม่มี
คุณสมบัติในการเยียวยา และใช้พลังของร่างกายล้างสารพิษมากขึ้น
ที่สำคัญคือ ควรกินอาหารเพียง ๓ มื้อเท่านั้น แม้แต่การกินลูกอมเพียงเม็ดเดียวระหว่างมื้อก็ไม่ควรทำ
ซึ่งระหว่างมื้อสามารถดื่มน้ำผลไม้ได้ ๒ ครั้ง ซึ่งการกินทั้ง ๕ ครั้งนี้ ร่างกายสามารถรับไว้ได้ และร่างกายสามารถ
ทำงานติดต่อกันได้ตลอดเวลาโดยไม่มีปัญหาถ้ากินอาหารเหล่านี้ ส่วนอาหารในตู้เย็น และอาหารที่ปรุงสุก
นานเกิน ๓ ชั่วโมงไม่ควรกิน เพราะถือว่ามีสารพิษ
“การเยียวยาที่สมบูรณ์ตามแนวธรรมชาติบำบัด นอกจากจะปรับเปลี่ยนการกินแล้วควรแช่สะโพกและ
หลังร่วมด้วย อีกสิ่งหนึ่งคือ การปรับเปลี่ยนการนอน ควรเข้านอนไม่เกิน ๔ ทุ่ม เพราะร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน
ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในขณะที่เราหลับตั้งแต่ ๔ ทุ่มถึงเที่ยงคืน เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ควรเข้านอน
หลังอาหารเย็นอย่างน้อย ๓ ชั่วโมง หากหลับสนิทการนอนเพียง ๕ - ๖ ชั่วโมง ก็ถือว่าเพียงพอ และควรตื่นก่อน
๖ โมงเช้า นอกจากนั้นอาจใช้วิธีล้างพิษร่วมด้วย”
“การดูแลตนเองเบื้องตน เช่น เมื่อมีอาการปวดศรีษะ นอนไม่หลับ หรือวิงเวียนศีรษะ ในหนึ่งวัน
ควรใช้น้ำราดศีรษะ ๕ ครั้งต่อวัน โดยราดติดต่อกันนาน ๕ นาที และใน ๕ ครั้ง ควรราดก่อนเข้านอน ๑ ครั้ง
ส่วนการพอกโคลนและการใช้ผ้าเปียกจะช่วยให้หายจากความเจ็บปวด เช่น เมื่อปวดหัวไหล่พันด้วยผ้าเปียก
๑ - ๒ สัปดาห์ อาการเจ็บปวดก็จะหาย”
ดร.เจค็อบ สรุปทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ธรรมชาติบำบัดสามารถรักษาได้ทุกโรคแต่ไม่ใช่ทุกคน กระบวนการ
เยียวยาเกือบทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและสังคมมากกว่าสภาพร่างกายของคนไข้ การปฏิบัติตนตามแนวทาง
ธรรมชาติบำบัดต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ต้องควบคุมตัวเองจากการเย้ายวนของอาหารที่ไร้ประโยชน์
ธรรมชาติบำบัดต้องมีวินัยทั้งกาย ใจและทนต่อแรงกดดันทางสังคม
เอกสารอ้างอิง และแหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม :
๑. ออนไลน์เข้าถึงได้จาก:http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=๙๕๐
๐๐๐๐๐๖๒๑๒๔,พัชรี โคสนาม นักศึกษาฝึกงาน คณะอักษรศาสตร์ ม.ศิลปากร
รู้จัก ดร.เจค็อบ
ดร.เจค็อบ วาทักกันเชรี นักธรรมชาติบำบัด ผู้ทดลองปฏิบัติด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดกับตนเองและเยียวยา
ผู้ป่วยเรื้อรังจำนวนมากจนหายมากว่า ๒๐ ปี เปิดศูนย์ธรรมชาติบำบัดหลายแห่งในรัฐเคราล่าทางภาคใต้ของ
อินเดีย คำขวัญของศูนย์ คือ เข้ามาคุณเป็นคนไข้กลับออกไปคุณเป็นหมอ และเขายังเป็นนักเคลื่อนไหว
เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมตามแนวทางมหาตมะ คานธี
๘๑