Page 256 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 256
คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)
การพิจารณาอย่างนี้มีประโยชน์มาก เพื่อทำให้รู้ว่า เราพร้อมที่จะปล่อยวางแค่ไหน เราพร้อมที่จะเผชิญ
กับความพลัดพรากสูญเสียหากเกิดขึ้นมาแบบฉับพลันทันทีหรือไม่ นั่นคือการพิจารณาเพื่อดูใจของเรา
เพื่อตรวจสอบจิตใจของเรา ถ้าหากเรายังไม่พร้อม เราย่อมรู้สึกกลัว รู้สึกตื่นตระหนก รู้สึกอาลัย นั่นแสดงว่าเรา
ยังมีบางอย่างที่ยังไม่ได้ทำ บางอย่างนั้นอาจจะหมายถึงหน้าที่จะต้องทำต่อเขา หรืออาจหมายถึงใจของเราเองที่
ยังไม่พร้อมปล่อยวาง เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ต้องเร่งทำหน้าที่ต่อเขาให้สมบูรณ์ และฝึกใจให้พร้อมปล่อยวาง
การพิจารณาทำให้เกิดปัญญา
การพิจารณาแบบนี้ ถ้าน้อมใจให้รู้สึกว่าจะต้องตายไปจากโลกนี้จริงๆ ไม่ใช่เป็นแค่ความคิด จะทำให้
เราเกิดความตื่นตัวขวนขวายที่จะทำในสิ่งที่ควรทำ เห็นความจำเป็นที่จะต้องฝึกใจให้ปล่อยวางให้ได้ สอง
อย่างนี้ไปด้วยกัน ถ้าเรายังรู้สึกว่าเรายังไม่ได้ทำหน้าที่ต่อใครบางคน หรือยังทำไม่สมบูรณ์ เราจะรู้สึกว่าเรายัง
ปล่อยวางไม่ได้ แต่ถ้ารู้สึกว่าเราทำหน้าที่ต่อคนรักได้สมบูรณ์แล้ว การปล่อยวางก็เป็นเรื่องง่ายขึ้น นี้คือการ
พิจารณาอย่างหนึ่ง
งานศพตัวเอง
สอง เจริญมรณสติโดยนึกถึงงานศพของเรา เมื่อถึงวันที่เราต้องตายและเขาบรรจุร่างของเราไว้ในโลง
มีคนมางานศพ เราเห็นผู้คนมางานศพของเรา เช่น ลูกน้อง เจ้านาย ญาติมิตร เพื่อนฝูง ทีนี้ให้นึกดูว่า เราอยากให้
เขาพูดถึงเราอย่างไรในงานศพของเรา เราอยากจะให้เขาสรรเสริญว่าเราเป็นคนดีมีเมตตา เป็นคนที่รักศีลรักธรรม
เป็นคนเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือไม่ ฯลฯ ถ้าเป็นเช่นนั้นเราต้องถามตัวเองว่า เราได้ทำความดีมากพอหรือยัง ที่จะให้
เขาพูดถึงเราอย่างนั้น ถ้าใคร่ครวญแล้วพบว่าเรายังไม่ได้ทำความดีมากพอต่อบุคคลเหล่านั้น ก็เป็นเรื่องยาก
ที่เขาจะพูดถึงเราไปในทางที่ดีอย่างนั้นได้ การคิดถึงงานศพของตัวเองเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้เราตื่นตัวและ
ขวนขวายในการทำความดี
อสุภกรรมฐาน
สาม พิจารณาถึงความเน่าเปื่อยของร่างกาย ดังได้กล่าวมาแล้วว่าการพิจารณามรณสติจะช่วยทำให้
เราตระหนักถึงสองอย่างคือ หนึ่ง เร่งทำความดี สอง รู้จักปล่อยวาง เราอาจจะเจริญมรณสติในอีกแง่หนึ่ง คือ
การพิจารณาถึงร่างกายที่เราแสนรักแสนห่วง เมื่อถึงเวลาที่ต้องตาย ร่างกายที่เคยยืดหยุ่นก็จะเริ่มแข็ง ที่เคย
อุ่นก็กลับเย็น ที่เคยปรุงแต่งให้สวยงามตั้งแต่ปลายผมจนถึงปลายเท้า ก็จะเริ่มสกปรก ผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง
สดใสก็กลายเป็นเขียวช้ำ ที่เคยประทินด้วยกลิ่นหอมก็เริ่มส่งกลิ่นเหม็น แล้วก็อืดเน่า ที่เคยสะอาดหมดจดก็
เริ่มสกปรกเพราะมีน้ำเหลืองไหลออกมาตามทวารต่างๆ ที่ใครๆ อยากอยู่ใกล้ชิด อยากกอดอยากหอมร่างนี้
ตอนนี้เขากลับรังเกียจอยากอยู่ไกลๆ ไม่กล้าที่จะเหลียวดูด้วยซ้ำ
มาถึงตรงนี้ลองถามตัวเองว่า ร่างกายที่เราอุตส่าห์ฟูมฟักดูแลรักษานักหนา ยังเป็นร่างกายที่สมควร
หลงใหล หรือสมควรหวงแหนหรือไม่ เพราะว่าเราเองก็คงไม่อยากที่จะอยู่ใกล้กับร่างกายที่มีสภาพแบบนั้น
การเจริญมรณสติแบบนี้จะช่วยให้เราคลายความยึดติดนี้ในร่างกายนี้ ไม่มัวหลงใหลภาคภูมิใจหรือหมกมุ่นกับ
การประดับประดาร่างกายนี้จนไม่สนใจที่จะทำสิ่งที่มีคุณค่า วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่หลงใหลความงามของ
ร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จิรังยั่งยืนเลย
วิธีการเหล่านี้จะได้ผลดีถ้าทำในช่วงเวลาที่เราปลอดโปร่ง ใจสงบ เพราะใจจะน้อมนึกได้ชัดเจน และส่งผล
ถึงความรู้สึกของเรา ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นแค่ความคิด พอเป็นแค่ความคิด เราก็อาจรู้สึกเฉยๆ ไม่เกิดความตื่นตัว
หรือขวนขวายที่จะทำความดีฝึกใจให้ปล่อยวาง
๑๘๐