Page 55 - รพ.บุษราคัม
P. 55

เรื่องเล่า...โรงพยาบาลบุษราคัม


                 “ในรายของผู้ป่วยที่ได้กลับบ้าน หมอจะมีออเดอร์มาก่อน 1 วัน ว่าให้กลับบ้านได้
          เราก็จะโทรหาผู้ป่วยบอกเขาว่าดีใจด้วยคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว จากนั้นก็จะ
          ซักถามเขาเพิ่มเพื่อดูว่าอาการปัจจุบันเป็นอย่างไร มีอาการอะไรที่อาจจะกลับบ้านไม่ได้
          เกิดขึ้นไหม เพื่อเป็นการเช็คให้แน่ใจว่ากลับบ้านได้จริง ๆ เมื่อชัดเจนว่ากลับบ้านได้
          เราก็จะถามเขาว่ากลับยังไง จะให้ญาติมารับหรือให้ทางโรงพยาบาลไปส่ง เราก็จะมีรถ
          ของทหารไปส่งให้วันละ 2 รอบ เวลา 08.00 น. กับ 14.00 น. ถ้าเกิดเขาให้ญาติมารับ
          เราก็จะถามว่าญาติชื่ออะไร ทะเบียนรถอะไร เวลามารับเมื่อไหร่ เป็นอะไรกับผู้ป่วย แต่ถ้าเขา
          ให้ทางเราไปส่ง ก็จะถามว่าเขาว่าสะดวกลงที่ไหน ตรงจุดไหนที่ใกล้บ้าน แล้วถ้าถึงบ้านแล้วก็
          ให้โทรบอกด้วย จากนั้นก็จะรบกวนให้เขาออกจากไลน์กลุ่ม ในระหว่างที่กลับบ้านไปแล้วหาก
          เกิดอะไรขึ้นให้ติดต่อสาธารณสุขใกล้บ้าน ขณะเดียวกันเราก็จะมีเอกสารเป็นใบรับรองแพทย์
          และคำแนะนำว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร โดยจะมี 3 ภาษาทั้งไทย กัมพูชา และพม่า”
                 การได้มาทำงานที่โรงพยาบาลบุษราคัมถึง 2 รอบ ทำให้คันธรสเห็นภาพความแตกต่างกัน
          อย่างชัดเจนระหว่างช่วงที่โรงพยาบาลเพิ่งเปิดทำการได้ไม่นานนัก กับช่วงที่โควิด 19 ระบาดหนัก
          จนคนป่วยล้นสถานพยาบาลทุกที่ในเมืองกรุง
                 พยาบาลหญิงแห่งโรงพยาบาลสูงเม่นบอกว่า งานในรอบหลังที่โรงพยาบาลบุษราคัม
          ของเธอหนักกว่ารอบแรกหลายเท่าตัว บางวันแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าวให้อิ่มท้อง
                  “รอบแรกที่เรามาสถานการณ์ก็หนักพอตัวแต่ยังไม่มาก แต่พอมารอบสองนี่คนละเรื่องเลย
          จำได้ว่าช่วงต้นเดือนสิงหาคม 3,700 เตียงนี่เต็มทุกเตียง ผู้ป่วยจากที่เคยนอนรักษาตัว 14 วัน
          ก็เริ่มลดลงเหลือ 10 วัน เหลือ 8 วันตามลำดับ แล้วก็อาศัยให้ไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ที่เป็นแบบนี้
          ก็เพราะผู้ป่วยรอเข้ารับการรักษากันเยอะมาก เราจึงจำเป็นต้องเอาคนที่อาการดีขึ้นจน
          ประคองตัวได้กลับบ้านก่อน ตอนนั้นเราก็รู้สึกสงสารคนไข้นะ อยากให้ทุกคนได้รับการดูแล
          อย่างทั่วถึง แต่มันจำเป็นจริง ๆ
                 เราเองก็เหนื่อยมาก โทรหาคนไข้ไม่หวาดไม่ไหว โทรจนหูชาร้อนไปหมด พยาบาล
          บางคนกว่าจะได้ทานข้าวมื้อแรกก็บ่าย 3 โมง บางคนกินได้แค่ 5 นาทีก็ต้องทำงานต่อ
          งานมันหนักจริง ๆ ไม่ใช่แค่เราหรอก แต่เจ้าหน้าที่ทุกคน ทุกฝ่าย ทำงานหนักกันหมด”
                 ในทีม Caring ของโรงพยาบาลบุษราคัมไม่ได้มุ่งเน้นการรักษาแต่เฉพาะในด้าน
          ร่างกายเท่านั้น หากแต่เป็นการดูแลแบบองค์รวมทั้งหมด ด้วยเหตุนี้จึงมีทีมเยียวยาจิตใจ
          หรือ MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) รวมอยู่ด้วย
          เพื่อทำให้สุขภาพจิตของผู้ป่วยไม่ย่ำแย่ทรุดโทรมไปตามความเจ็บป่วยทางร่างกาย
                 ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติหรือ
          โรคระบาด จะมีความเสียหายทางร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินเกิดขึ้นแน่ ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น


    46             โรงพยาบาลบุษราคัม กระทรวงสาธารณสุข
   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60