Page 164 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 164

E4


                        ผลของการบริบาลทางเภสัชกรรมในผู้ป่วยคลินิกสมาธิสั้น โรงพยาบาลจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ


                                                                         เภสัชกรหญิงณัฐกษิญามน แก้วเสถียรมงกุฎ
                                                                     โรงพยาบาลจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ เขตสุขภาพที่ 9

                                                                                               ประเภท วิชาการ

                  ความสำคัญของปัญหาวิจัย
                          โรคสมาธิสั้น เป็นโรคทางจิตเวชเรื้อรังที่พบได้บ่อยในเด็ก เป็นภาวะบกพร่องในการทำหน้าที่ของ

                  สมองที่มีอาการหลักเป็นความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมใน 3 ด้าน ได้แก่ การขาดสมาธิ หุนหันพลันแล่น และ
                  ซนอยู่ไม่นิ่ง อัตราความชุกในประเทศไทยเท่ากับร้อยละ 8.1 พบในชายมากกว่าหญิงในอัตราส่วน 3:1
                          โรงพยาบาลจัตุรัส เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 120 เตียง เปิดให้บริการคลินิกสมาธิสั้น ทุกวันพุธ
                  ช่วงบ่าย ปัจจุบันมีป่วยจำนวน 134 ราย เภสัชกรได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อให้

                  คำแนะนำด้านยาแก่ผู้ปกครองเด็กสมาธิสั้น เนื่องจากระบบบริบาลทางเภสัชกรรมคลินิกสมาธิสั้นแบบเดิมนั้น
                  เภสัชกรได้ให้คำแนะนำการใช้ยาและส่งมอบยาที่ห้องจ่ายยา จากการเก็บข้อมูลเบื้องต้น พบผู้ป่วยเกิดปัญหา
                  การใช้ยาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น ผู้ปกครองให้หยุดยา เนื่องจากผลข้างเคียงจากยา ฯลฯ ดังนั้นผู้วิจัยจึงคิดค้น

                  ระบบบริบาลทางเภสัชกรรมแบบใหม่ เพื่อช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านยาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
                  วัตถุประสงค์

                  เพื่อศึกษาผลก่อนและหลัง การพัฒนาระบบการบริบาลทางเภสัชกรรมในคลินิกสมาธิสั้น

                  วิธีการศึกษา
                         รูปแบบการวิจัย การศึกษาเป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi experimental study)
                         ประชากร ได้แก่ ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลหลักของผู้ป่วยในคลินิกสมาธิสั้น โรงพยาบาลจัตุรัส จำนวน

                  ทั้งสิ้น 134 ราย (กำหนดผู้ปกครอง 1 ราย ต่อผู้ป่วย 1 ราย)
                         กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลหลักของผู้ป่วยในคลินิกสมาธิสั้น โรงพยาบาลจัตุรัส ตั้งแต่
                  กันยายน 2566 ถึง กุมภาพันธ์ 2567 และผ่านตามเกณฑ์คัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง แบบเฉพาะเจาะจง
                         ขนาดกลุ่มตัวอย่าง ใช้สูตรการคำนวณขนาดกลุ่มตัวอย่าง เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยในกลุ่มตัวอย่างสอง

                                                                                                 1
                  กลุ่มที่ไม่อิสระต่อกัน (พารามิเตอร์ที่ใช้อ้างอิงจากการศึกษาของสมัย ศิริทองถาวรและคณะ  โดยค่าความ
                  แปรปรวนเฉลี่ยในการศึกษา = 1.73 และค่าเฉลี่ยของผลต่างในการศึกษา = 0.56) จากสูตรคำนวณได้ 43.12 ราย
                  คำนวณเผื่อ 15% ดังนั้นผู้วิจัยจึงเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 50 ราย
                         เกณฑ์การคัดเข้า คือ ผู้ปกครองของผู้ป่วยสมาธิสั้นที่เข้ารับบริการในคลินิกสมาธิสั้น โรงพยาบาลจัตุรัส,

                  ผู้ปกครองจะต้องมี Mobile phone ที่สามารถติดต่อได้ หรือมี Smart phone ที่เชื่อมต่อกับไลน์ได้
                         เกณฑ์การคัดออก คือ ผู้ป่วยที่ไม่สามารถติดตามได้, ผู้ป่วยที่ออกจากคลินิกสมาธิสั้น เป็นต้น
                         เครื่องมือ ได้แก่ สมุดบันทึกการรับประทานยา, แชทบอท ชื่อ SmartKidsBot (ผู้วิจัยพัฒนาเอง),
                  แบบประเมินความร่วมมือในการรับประทานยา MMAS, แบบประเมิน SNAP-IV, แบบวัดความรู้ผู้ปกครอง

                  วิธีการดำเนินการวิจัย

                         สำหรับระบบใหม่ เภสัชกรได้มาประจำอยู่ที่คลินิกสมาธิสั้น ดำเนินการให้ความรู้ผู้ปกครองทุกครั้งก่อน
                  พบแพทย์ รวมถึงแนะนำและทบทวนวิธีการใช้แอปพลิเคชัน SmartKidsBot แก่ผู้ปกครอง จากนั้นได้ทำการ
                  pre-counselling เพื่อค้นหาปัญหาด้านยาเชิงรุก (DRPs) การทำประสานรายการยา ประเมินความร่วมมือใน

                  การใช้ยา ผลข้างเคียงจากยา Methylphenidate และยาจิตเวชอื่นๆ หลังจากพบแพทย์ เภสัชกรได้ทำการ
   159   160   161   162   163   164   165   166   167   168   169