Page 417 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 417

สาระสำคัญของโครงการ


                  1. ชื่อโครงการ โครงการอบรม “พระบริบาลภิกษุไข้” ประจำวัด 1 วัด ๑ รูปทั่วไทย โดยสถาบันพระบรมราช
                  ชนก เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมฺพรมหาเถร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณา
                  ยก ฉลองพระชนมายุ 8 รอบ โดยการบูรณาการการเรียนการสอน การพัฒนานักศึกษา การวิจัย และการ
                  ทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม กับการบริการวิชาการ

                  2. ผู้รับผิดชอบโครงการ คณะพยาบาลศาสตร์ และ คณะสาธารณสุขศาสตร์และสหเวชศาสตร์ สถาบันพระ

                  บรมราชชนก

                  3. หลักการและเหตุผล
                         ภาวะเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของ
                  ประชาชนโดยทั่วไปรวมถึงกลุ่มพระภิกษุสามเณร ปัจจุบันพระภิกษุสามเณรกำลังประสบปัญหาสุขภาพ ข้อมูลจาก
                  การสำรวจสุขภาพพระภิกษุ-สามเณรทั่วประเทศจำนวน 252,851 รูป จาก 41,142 วัด ในปี 2559

                  พบว่ามีพระภิกษุสามเณรที่สุขภาพดีเพียงร้อยละ 52  ในขณะที่พบภาวะเสี่ยงร้อยละ 19  และอาพาธถึง
                  ร้อยละ 28.5 ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ไม่มีผู้ดูแล เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อไม่เรื้อรัง  โดยปัจจัยที่ทำให้อาพาธคือ
                  ไขมันและน้ำตาลในเลือดสูง  ดัชนีมวลกายเกณฑ์มาตรฐาน  และการสูบบุหรี่  ส่วนโรคที่พบมากสุด 5 อันดับ
                  แรกเป็นโรคเรื้อรังทั้งหมด ได้แก่  โรคมะเร็ง  โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง  โรคเบาหวานโรคความดันโลหิตสูงและ

                  โรคไตวายเรื้อรัง นอกจากนั้นการศึกษาพระภิกษุในจังหวัดขอนแก่นยังพบผลการศึกษาในทางเดียวกันคือ
                  พระภิกษุส่วนใหญ่อาพาธด้วยโรคกระเพาะอาหาร  รองลงมาเป็นความดันโลหิตสูง ปวดหลัง  ปวดเอว  ไขมัน
                  ในเลือด  และข้อเสื่อม  โรคเรื้อรังเหล่านี้มีผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในการประกอบ

                  กิจกรรมทางพุทธศาสนา
                         ปัญหาสุขภาพของพระภิกษุยังมาจากการขาดความรู้และความตระหนัก รวมถึงการมีอุปสรรคในการ
                  ปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพที่ดี  โดยพบว่าเมื่อเจ็บป่วยพระภิกษุส่วนใหญ่ซื้อยาฉันเอง  มีเพียงบางส่วนไปรักษา
                  ที่คลินิกเอกชนและโรงพยาบาล  แม้พระภิกษุส่วนใหญ่มีสิทธิการรักษาพยาบาลคือ สิทธิหลักประกันสุขภาพ
                  ถ้วนหน้า  แต่ยังมีพระภิกษุ ร้อยละ 31.88 ที่ไม่มีหลักประกันสุขภาพใด ๆ  นอกจากนั้นมีพระภิกษุที่ไม่เคย

                  อบรมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เพราะไม่มีเวลาไปอบรม  ไม่ทราบว่ามีการอบรม และไม่มีหน่วยงานเข้ามา
                  อบรมให้ที่วัด โดยพระภิกษุร้อยละ 67.8  มีความรู้ด้านการดูแลสุขภาพตนเองอยู่ในระดับน้อยที่สุด 2 ด้าน
                  คือ ด้านการรักษาพยาบาลตนเองและการตรวจสุขภาพประจำปี  นอกจากนั้นพระภิกษุมีแนวโน้มพร่อง

                  พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพจากการที่พระภิกษุต้องรักษาศีล จำนวน ๒๒๗ ข้อ ทำให้พระภิกษุมีข้อจำกัดใน
                  การดูแลสุขภาพของตนเอง เช่น พระภิกษุต้องสำรวมกาย จึงมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่สามารถ
                  ออกกำลังกายได้เหมือนบุคคลทั่วไป พระภิกษุส่วนใหญ่จึงไม่ได้ออกกำลังกาย หรือพระภิกษุมีพฤติกรรมการ
                  บริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่สามารถที่จะเลือกเมนูอาหารได้  ต้องฉันอาหารที่ญาติโยมนำมา

                  ถวาย  ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทไขมันสูง เป็นต้น
                         จากการวิเคราะห์ปัญหาการดูแลสุขภาพของพระภิกษุอาพาธพบว่า พระภิกษุที่เจ็บป่วยในวัด หรือ
                  ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล  เมื่อถูกวางแผนจําหน่ายให้กลับวัด พระภิกษุส่วนใหญ่ต้องดูแลกันเอง
                  โดยพระภิกษุรูปอื่นในวัด  มักไม่มีบุคคลใกล้ชิดที่คอยดูแล  รวมถึงญาติผู้หญิงไม่สามารถเข้ามาดูแลได้ เนื่องจาก

                  ผิดวินัยของสงฆ์  ในสถานการณ์เช่นนี้ พระภิกษุในวัดจึงมีบทบาทหน้าที่เป็นผู้ให้การดูแลพระภิกษุที่อาพาธ
                  ซึ่งจะดูแลได้เหมาะสมหรือไม่เพียงไรนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ความรู้และทักษะในการดูแลพระภิกษุอาพาธ ดังนั้น
                  การพัฒนาสมรรถนะพระภิกษุในการเป็นผู้ดูแลสุขภาพพระภิกษุอาพาธจึงเป็นสิ่งจำเป็น


                                                              8
   412   413   414   415   416   417   418   419   420   421   422