Page 14 - ผลงานวิชาการระบบส่งต่อ 2567
P. 14
โครงการประชุมสัมมนาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระบบรับส่งต่อผู้ป่วย ปีงบประมาณ 2567
ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยใน :
การศึกษาในผู้ป่วยฉุกเฉินที่ส่งต่อจากคลินิกหมอครอบครัวไปยังโรงพยาบาลตรัง
แพทย์หญิงกรกนก ก่อวุฒิกุลรังสี
กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลตรัง
จังหวัดตรัง เขตสุขภาพที่ 12
ความสำคัญของปัญหาวิจัย
การส่งต่อผู้ป่วยจากหน่วยบริการปฐมภูมิไปยังหน่วยบริการตติยภูมินั้นมีความสำคัญในระบบ
สาธารณสุข โรงพยาบาลตรังมีนโยบายเพื่อลดความแออัดของการรับบริการตั้งแต่ มกราคม พ.ศ.2566
ประกอบกับการเข้าถึงบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิง่ายขึ้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ป่วยบางส่วนจะมีอาการฉุกเฉิน
ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เนื่องด้วยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวมีส่วนสำคัญในการบริการด่านหน้า
1
และการประสานส่งต่อ รวมถึงสามารถสื่อสารเพื่อให้คำแนะนำ เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน
อย่างเหมาะสมจะส่งผลดีต่อการรักษาในทุกระดับและทุกมิติ (กาย จิต สังคม จิตวิญญาณ)
การรักษาที่เพียงพอตั้งแต่หน่วยบริการปฐมภูมิสำหรับผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อนั้น ย่อมส่งผลลัพธ์ในทางที่ดี
2
ดังเช่นองค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่า องค์ประกอบที่สำคัญของระบบการส่งต่อผู้ป่วย คือ สถานบริการระดับต้น
ในที่นี้คือ คลินิกหมอครอบครัว ในเกณฑ์มาตรฐานหน่วยบริการปฐมภูมิ 2566 มีการระบุด้านการบริการ
ในห้องฉุกเฉินว่าสามารถวินิจฉัย รักษา และทำหัตถการเบื้องต้น ได้แก่ ฉีดยา ทำแผล รวมถึงมีแนวทาง
การวินิจฉัยการรักษาเบื้องต้นและการส่งต่อหรือการจัดระบบส่งต่อแบบเครือข่าย stroke, ST elevation
myocardial infarction, head injury, hypoglycemia, hyperglycemia การช่วยฟื้นคืนชีพระดับ advance
life support การใช้ยาช่วยชีวิตฉุกเฉิน แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวจะให้การดูแลผู้ป่วยเบื้องต้นตามแนวทาง
3
นั้นและตัดสินใจว่าจะส่งต่อผู้ป่วยหรือไม่ เป้าประสงค์เพื่อลดความรุนแรงของโรค ความทุพพลภาพ และการเสียชีวิต
ซึ่งปัจจัยที่สัมพันธ์กับการส่งต่อผู้ป่วยของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว ได้แก่ เพื่อความถูกต้องของการวินิจฉัย
และการรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงความมั่นใจในการทำงานของแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
5
4
ผลที่ได้ตามมาหลังจากส่งต่อมายังโรงพยาบาลตรัง คือ ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาต่อแบบผู้ป่วยในหรือไม่นั้น
บ่งบอกถึงความจำเป็นในการส่งต่อผู้ป่วยและแสดงถึงระบบปฐมภูมิด่านหน้าที่ดี ซึ่งปัจจัยที่สัมพันธ์กับ
6,7,8
9,10
การได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยในมีปัจจัยเชิงระบบบริการสาธารณสุข สัดส่วนของแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปต่อ
11
ประชากร ความรุนแรงของอาการเจ็บป่วย 12,13 รวมถึงคุณลักษณะของแพทย์และวัฒนธรรมองค์กร
9
จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าการศึกษาเฉพาะเรื่องการส่งต่อเคสฉุกเฉินจากหน่วยบริการปฐมภูมิ
โดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว รวมถึงการศึกษาในแง่ผลลัพธ์ด้านผู้ป่วยเมื่อส่งมายังหน่วยบริการตติยภูมิ
ในประเทศไทยนั้นมีจำกัด ทางผู้วิจัยมีความสนใจถึงผลลัพธ์ของการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินที่ส่งต่อจากคลินิก
หมอครอบครัวไปยังโรงพยาบาลตรัง เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินในหน่วยบริการ
ปฐมภูมิและระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินระหว่างสถานพยาบาลต่อไป
วัตถุประสงค์การศึกษา
เพื่อศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับการได้รับการรักษาแบบผู้ป่วยใน สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่ส่งต่อจากคลินิก
หมอครอบครัวไปยังโรงพยาบาลตรัง
วิธีการศึกษา
การศึกษาเชิงวิเคราะห์แบบย้อนหลัง เก็บข้อมูลจากแบบบันทึกผู้ป่วยฉุกเฉินที่เข้ารับบริการที่คลินิก
หมอครอบครัวโรงพยาบาลตรัง ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 กันยายน 2566 และข้อมูลผู้ป่วยจากโปรแกรม
10
โครงการประชุมสัมมนาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระบบรับส่งต่อผู้ป่วย ปีงบประมาณ 2567