Page 133 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 133
C25
วิธีการศึกษา
การศึกษาวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบวิจัยและพัฒนา (R&D : Research and Development) ขอบเขต
การวิจัยในพื้นที่โรงพยาบาลระดับ A, S, M1 เขตสุขภาพที่ 12 จำนวน 10 โรงพยาบาล คัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง
แบบเฉพาะเจาะจง ด้วยวิธีการสุ่มอย่าง่าย จำนวน 156 คน โดยใช้แนวคิดการจัดการความรู้สู่การบริหาร
องค์การที่เป็นเลิศ ครอบคลุมด้านกระบวนการคัดกรองผู้ป่วย กระบวนการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน กระบวนการ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และกระบวนการส่งต่อผู้ป่วย เพื่อพัฒนาระบบการรักษาพยาบาลฉุกเฉินแบบช่องทางด่วน
แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสถานการณ์ระบบรักษาพยาบาลฉุกเฉิน ระยะที่ 2 พัฒนารูปแบบบริการ
รักษาพยาบาลฉุกเฉินแบบช่องทางด่วน ระยะที่ 3 ศึกษาผลลัพธ์การพัฒนาระบบรักษาพยาบาลฉุกเฉินแบบ
ช่องทางด่วน
One province One ER in Regional
12 ประเมินผลลัพธ์
สภาพการณ์
ระบบรักษาพยาบาลฉุกเฉิน
1. การคัดกรองผู้ป่วย 1. กระบวนการคัดกรองผู้ป่วย 1. การคัดกรอง
2. การรักษาพยาบาลฉุกเฉิน 2. กระบวนการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน 2. การเข้าถึงระบบช่องทางด่วน
3. การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 3. กระบวนการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 3. การส่งต่อผู้ป่วย
4. การส่งต่อผู้ป่วย 4. กระบวนการส่งต่อผู้ป่วย 4. ความพึงพอใจ
กรอบแนวคิดการวิจัย
ภาพ 1 กรอบแนวคิดการวิจัยและพัฒนา
ผลการศึกษา
ภาพ 2 รูปแบบบริการหนึ่งจังหวัดหนึ่งห้องฉุกเฉิน เขตสุขภาพที่ 12 (4 ER Model)
จากภาพที่ 2 รูปแบบบริการหนึ่งจังหวัดหนึ่งห้องฉุกเฉิน เขตสุขภาพที่ 12 ผู้วิจัยพัฒนาการจัดระบบ
บริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินของโรงพยาบาล จากการจัดการความรู้สู่การบริหารองค์การที่เป็นเลิศซึ่งได้
รูปแบบการจัดบริการห้องฉุกเฉินไร้รอยต่อ (Seamless ER) และระบบส่งต่อผู้ป่วยแบบไร้รอยต่อ (Seamless
Refer) ภายใต้รูปแบบบริการหนึ่งจังหวัดหนึ่งห้องฉุกเฉิน เขตสุขภาพที่ 12 สรุปเป็น 4ER Model ประกอบไป
ด้วยองค์ประกอบสำคัญดังนี้คือ Seamless ER 4 E ได้แก่ E1 : Emergency Triage, E2 : Emergency
Treatment, E3 : Emergency Teleconsult, E4 : Emergency Transfer และ Seamless Refer 4 R ได้แก่
R1 : Referral Network, R2 : Referral Definition, R3 : Referral Audit, R3 : Referral Support ซึ่งเป็น
กระบวนการสำคัญลดความเหลื่อมล้ำการเข้าถึงบริการของผู้ป่วย