Page 158 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 158
D22
การพัฒนาแนวทางการคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิด
เพื่อลดอัตราการกลับมาเจาะเลือดยืนยัน
นางสาวดาวเรือง จัตุชัย
โรงพยาบาลโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เขตสุขภาพที่ 7
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหางานวิจัย
ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนแต่กำเนิด เป็นโรคที่ก่อให้เกิดภาวะปัญญาอ่อนอย่างถาวร แต่สามารถ
ป้องกันโดยการค้นหาและให้การวินิจฉัยก่อนอายุ 3 เดือนจากข้อมูล 3 ปีย้อนหลัง (พ.ศ. 2561 - 2563) พบว่า
ทารกมีค่า TSH มากกว่า 11.24 mU/L ร้อยละ 6.23, 8.6 และ 16.3 ตามลำดับ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และมารดา
จึงต้องเดินทางนำทารกกลับมาเจาะเลือดเพื่อยืนยันผลซ้ำเพิ่มขึ้น จากปัญหาดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ห้องคลอดและ
กุมารแพทย์ จึงจัดทำวิจัยและจัดทำแนวทางการพัฒนาการคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิด
ขึ้นมา เพื่อความแม่นยำในการวินิจฉัยลดภาระมารดาที่ต้องเดินทางนำทารกกลับมาเจาะเลือดเพื่อยืนยันผลซ้ำ
และผู้รับบริการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ต้องถูกเจาะเลือดหลายครั้ง
วัตถุประสงค์การศึกษา
1. เพื่อพัฒนาแนวทางคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิด
2. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเจาะเลือดและลดอัตราทารกกลับมาเจาะเลือดยืนยัน
วิธีการศึกษา
ระยะที่ 1 วางแผน
1. วิเคราะห์สถานการณ์ภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิด
2. ตั้งทีมพัฒนาการคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิดเพื่อเป็นแกนหลักในการปรับปรุง
แนวทางการคัดกรองรูปแบบใหม่ ได้แก่ (1) เจ้าหน้าที่พยาบาลห้องคลอดจำนวน 10 คน (2) กุมารแพทย์
จำนวน 1 ท่าน
3. วิจัยเพื่อเปรียบเทียบการเจาะเลือดทารกที่ระยะเวลา 48 - 49 ชั่วโมง 59 นาที และ 50 - 72 ชั่วโมง
หลังคลอด ประชากร คือ ทารกทุกรายที่ได้รับการตรวจคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในโรงพยาบาล
โกสุมพิสัย ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 จำนวน 319 ราย
ระยะที่ 2 ดำเนินการ
วงรอบที่ 1
(1) พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้และทักษะในการเจาะเลือดทารกเพื่อส่งตรวจเช่น ตำแหน่งในการเจาะเลือด
ทักษะการหยดเลือด เป็นต้น
(2) ปรับปรุงแนวทางการเจาะเลือดเพื่อคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิด โดยจากเดิม
เจาะเลือดทารกที่เวลามากกว่าหรือเท่ากับ 48 ชั่วโมงหลังคลอด เปลี่ยนเป็นเจาะเลือดทารกที่เวลามากกว่าหรือ
เท่ากับ 50 ชั่วโมงหลังคลอด (จาก GPG เดิมให้เจาะเลือดที่ 48 - 72 ชั่วโมงหลังคลอด)