Page 153 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 153
D17
ภาวะแทรกซ้อน เช่น Congenital anomalies, Neonatal sepsis ระหว่างเก็บข้อมูล โดยมีขั้นตอนการเก็บรวบรวม
ข้อมูล ดังนี้
1) ก่อนเริ่มการเก็บข้อมูล ชี้แจงแก่กุมารแพทย์และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องในห้องผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด
ให้รับทราบถึงแนวทางปฏิบัติ
2) เมื่อมีผู้ป่วยทารกแรกรับ ที่มีภาวะอุณหภูมิกายต่ำ ตามเกณฑ์คัดเลือกเข้ากลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้ป่วย
ทารกที่อยู่ในระยะวิกฤตระบบทางเดินหายใจเข้ามา admit ใน NICU และพบว่ามีอุณหภูมิกายแรกรับที่
น้อยกว่า 36.5 ˚C ให้การพยาบาลตามแนวทางปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกในการดูแลผู้ป่วยทารกแรกเกิด
เพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิกายต่ำในห้องผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิด โดยการจัดนำผู้ป่วยให้อยู่ภายใน Incubator
และบันทึกทำการเก็บข้อมูลในกลุ่มตัวอย่างจนครบจำนวน 20 ราย โดยวัดอุณหภูมิเปรียบเทียบกัน 3 ระยะ
ได้แก่ ระยะที่ 0 (แรกเกิด) ระยะที่ 1 (เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง) และระยะที่ 2 (เมื่อเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง)
และนำไปวิเคราะห์ผลทางสถิติ
3) นำมาต่อยอดโดยการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่ On Radiant warmer และมีน้ำหนักตัวตั้งแต่ 1,501 –
2,500 gm จำนวน10 ราย
4) วิเคราะห์ผลทางสถิติ และสรุปผลการวิจัย
ผลการศึกษา
แนวทางที่พัฒนาขึ้น ได้แนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสามารถนำไปใช้ ในหน่วยงานอื่นซึ่งมีโอกาสพบ
ทารกที่เกิดภาวะอุณหภูมิกายต่ำร่วมกับการใช้นวัตกรรมการป้องกันอุณหภูมิกายต่ำ “ถุงอบอุ่น”
ผลการศึกษากลุ่มตัวอย่าง เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจร
ความดันโลหิต ค่าเฉลี่ยความดันโลหิต และค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ภายในกลุ่มของกลุ่มทดลอง
3 ระยะ ด้วยการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ (Repeated measure ANOVA)
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ครั้งที่ 1 (วันที่ 1 มกราคม 2565 – 3 พฤษภาคม 2566) พบว่าเมื่อเปรียบเทียบ
ใน 3 ช่วงเวลา ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิกาย ค่าความดันโลหิตตัวล่างและค่าเฉลี่ยความดันโลหิต มีความแตกต่าง
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 (p<.001, p=.022 และ p=.042 ตามลำดับ)
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ครั้งที่ 2 (วันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 มีนาคม 2567) พบว่า เมื่อเปรียบเทียบ
ใน 3 ช่วงเวลา ค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิกาย ค่าความดันโลหิตตัวล่างและค่าเฉลี่ยความดันโลหิต มีความแตกต่าง
อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 (p<.001, p=.022 และ p=.042 ตามลำดับ)
อภิปรายผล
จากผลการวิจัยพบว่า เมื่อเปรียบเทียบใน 3 ช่วงเวลา มีค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิกาย ค่าความดันโลหิต
ตัวล่างและค่าเฉลี่ยความดันโลหิต มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .05 (p<.001, p=.022
และ p=.042 ตามลำดับ) อภิปรายผลได้ว่า ภายหลังได้มีการพัฒนาและใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลคลินิก
ในการป้องกันภาวะอุณหภูมิกายต่ำในทารกแรกเกิด ร่วมกับการใช้นวัตกรรมการป้องกันอุณหภูมิกายต่ำร่วมด้วย
ช่วยป้องกันการสูญเสียความร้อนในทารกแรกเกิดได้ภายหลังรับจากห้องคลอด และเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 ชั่วโมง
เนื่องจากแนวทางปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน มีการปรับอุณหภูมิที่เหมาะสมภายหลังการเกิด ทำให้ทารกสามารถ
ปรับตัวได้ ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากภาวะอุณหภูมิในร่างกายต่ำ สอดคล้องกับงานวิจัยของ เอื้ออารีย์ สมุดจาง
(2559) ในการศึกษาแนวปฏิบัติการดูแลทารกแรกเกิดเพื่อป้องกันภาวะอุณหภูมิกายต่ำ และการศึกษาของ
Demise AG, Hypothermia in Preterm Newborns: Impact on Survival. Global Pediatric Health.
2020 ที่พบว่า การเปลี่ยนแปลงของภาวะอุณหภูมิกายของทารกมีผลต่อสัญญาณชีพอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ที่ระดับ 0.05 และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้นวัตกรรม