Page 203 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 203
E43
การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยจิตเวชจากสารเสพติดที่เสี่ยงต่อความรุนแรง
แบบมีส่วนร่วมโดยใช้แนวคิดชุมชนจัดการตนเอง
The Developing Care Model for Severe Mental Illness – High Risk to Violence
through the Community Self - Management
เยาวเรศ บุญรัตนสุทโธ, นางดัชนี เขียนนอก, นายธนาวุฒิ ขอสุข
โรงพยาบาลคำเขื่อนแก้ว, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลสงเปือย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโพนทัน
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอคำเขื่อนแก้ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร จังหวัดยโสธร เขตสุขภาพที่ 10
ประเภท วิชาการ
1. ความสำคัญของปัญหาวิจัย
ในประเทศไทยประมาณการผู้ใช้สารเสพติดพบว่ามีผู้ใช้ใช้สารเสพติดที่มีอาการทางจิตเวชสูงถึงร้อยละ
11-31 โดยในปี 2560 จากรายงานในระบบติดตามการเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในด้านการบำบัดรักษาและ
ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ใช้ยาเสพติดมีผู้ป่วยที่ใช้สารเสพติดและมีอาการทางจิตเข้ารับการรักษาสถานบริการจำนวน
226, 319 คนคิดเป็นร้อยละ 8 ของผู้ป่วยจิตเวชทั้งหมดมีแนวโน้มก่อให้เกิดอาการทางจิตรุนแรงการพยากรณ์
โรคไม่ดีสูงถึงร้อยละ 5 เมื่อเปรียบเทียบกับคนทั่วไป โดยผู้ใช้สารเสพติดที่มีอาการทางจิตมีอาการกำเริบและ
ต้องกลับมารักษาในโรงพยาบาลซ้ำสูงถึงร้อยละ 31 (ศศิภรณ์ วิงวอน, 2021) ด้วยกลไกของสารเสพติดที่ออก
ฤทธิ์ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทางจิตเช่น หูแว่ว ภาพหลอน หวาดระแวง หุนหันพลันแล่น ขาดการควบคุมตนเอง
ทำให้มีความเสี่ยงต่อการก่อความรุนแรงซึ่ง ปัจจุบันผู้ป่วยจิตเวชและผู้ป่วยยาเสพติดมีความเสี่ยงต่อการก่อ
ความรุนแรง (Serious Mental Illness with High Risk to Violence : SMI-V) มีสถิติของกรมสุขภาพจิต
ระหว่างพ.ศ. 2558 -2563 มีผู้ป่วยจิตเวชที่ได้รับการคัดกรองและลงทะเบียนเป็นผู้ป่วย SMI-V จำนวน 13,194
ราย เป็นผู้ป่วยจิตเวชที่มีพฤติกรรมที่เกิดจากการใช้สารเสพติดออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทจำนวน 2,213 รายคิด
เป็นร้อยละ 17.34 และเมื่อพิจารณาจำแนกตามเกณฑ์คัดกรองผู้ป่วย SMI-V พบว่า มีการทำร้ายตนเองด้วย
วิธีการรุนแรง ร้อยละ 56.80 และรองมาคือ ผู้ป่วยที่มีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่นรุนแรง ก่อเหตุรุนแรง ทำให้
หวาดกลัว สะเทือนขวัญในชุมชน จำนวน 3,880 ราย ร้อยละ 29.80 (กรมสุขภาพจิต, 2565)
พื้นที่ตำบลสงเปือย พบผู้ใช้สารเสพติดที่มีอาการทางจิตเวชเข้ารับการรักษาในปี2563-2566 จำนวน
24, 19, และ 27 ตามลำดับ พบว่า ผู้ป่วยที่มีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่นรุนแรง ก่อเหตุรุนแรง ทำให้หวาดกลัว
สะเทือนขวัญในชุมชน จำนวน 17 ราย คิดเป็นร้อยละ 62.96 และมีการทำร้ายตนเอง จำนวน 4 ราย คิดเป็น
ร้อยละ 14.81 ซึ่งถ้าผู้ป่วยกลุ่มนี้ไม่ได้รับการดูแลอาจส่งผลให้ก่อเหตุรุนแรงในหมู่บ้านหรือชุมชน โดยที่ผ่านมา
การดูแลผู้ป่วยจิตเวชจากสารเสพติดโดยใช้ระบบการดูแลของหน่วยงานโดยมีการประสานส่งต่อในกรณียุ่งยาก
ซับซ้อนและกำเริบซ้ำบ่อยๆ แต่ยังขาดรูปแบบการดูแลอย่างเป็นระบบแบบแผนทั้งในการป้องกันปัญหา
การดูแลในภาวะฉุกเฉินและการติดตามต่อเนื่อง ที่เป็นแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน จึงทำให้ผู้ป่วยจำนวนหนึ่ง
ยังก่อความรุนแรงซ้ำ และเป็นปัญหาเรื้อรังในชุมชนอย่างต่อเนื่อง หากในครอบครัวหรือในชุมชนมีผู้ป่วยฉุกเฉิน
วิกฤตสุขภาพจิตจากปัญหายาเสพติด ญาติ คนใกล้ชิด และคนในชุมชน ต้องตระหนักและวางแผนรับมือกับ
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดของผู้ป่วยตั้งแต่ช่วงไม่มีเหตุรุนแรงหรืออาการสงบ ช่วงเกิดอาการรุนแรงและ ช่วงหลัง
จำหน่ายสู่ชุมชน เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ ความสูญเสีย และความสงบในชุมชนโดยได้มีการศึกษาโดยใช้
รูปแบบของชุมชนจัดการตนเองเพื่อดูแลผู้ป่วยวิกฤติจิตเวชอย่างเป็นระบบทั้งการค้นหาคัดกรองกลุ่มเสี่ยง
การเฝ้าระวังสัญญาณเตือน การจัดการช่วงภาวะวิกฤติโดยเริ่มจากผู้ดูแล เครือข่ายในชุมชน ตลอดจนทรัพยากร