Page 246 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 246
F32
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด และประเมินผลลัพธ์การพยาบาล ได้แก่ (1)
จำนวนวันนอนโรงพยาบาลเฉลี่ย (2) การกลับมารักษาซ้ำ (3) การยืดระยะเวลาการตั้งครรภ์จนครบกำหนด
คลอด งานวิจัยนี้ได้รับการรับรองจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ จากคณะกรรมการจริยธรรมวิจัยจังหวัดนครพนม
เพื่อพิทักษ์สิทธิ์ผู้เข้าร่วมการวิจัย เลขที่โครงการวิจัย REC 131/66
ผลการศึกษา
1. ได้รูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ประกอบด้วย 8 กิจกรรม
ได้แก่ 1) การพยาบาลเพื่อประเมินภาวะสุขภาพ 2) การพยาบาลยับยั้งการหดรัดตัวมดลูก 3) การพยาบาล
ป้องกันภาวะแทรกซ้อน 4) การพยาบาลส่งเสริมภาวะโภชนาการ 5) การพยาบาลลดความวิตกกังวลหญิงตั้งครรภ์
และครอบครัว 6) การพยาบาลวางแผนจำหน่าย 7) การพยาบาลคลอดก่อนกำหนดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ
8) การพยาบาลติดตามภายหลังจำหน่าย 2. หลังการพัฒนารูปแบบ พยาบาลวิชาชีพมีคะแนนเฉลี่ยความรู้
การปฏิบัติตามแผนและประสิทธิภาพการนำไปใช้ของรูปแบบสูงกว่าเกณฑ์ (ร้อยละ 80.00) อย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติ (p< 0.01) ทุกตัวแปร
อภิปรายผล
1. การวิเคราะห์บริบท สถานการณ์ และแนวทางการปฏิบัติ การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะ
เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดรูปแบบเดิม และได้วางแผนพัฒนารูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเสี่ยง
ต่อการคลอดก่อนกำหนดขึ้น ซึ่งการค้นหาปัญหาดังกล่าว ได้ประยุกต์ใช้รูปแบบการปฏิบัติตามหลักฐาน
เชิงประจักษ์ของ Soukup 2. ผลการพัฒนารูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ประกอบด้วย 8 กิจกรรม ได้แก่ 1) การพยาบาลเพื่อประเมินภาวะสุขภาพ 2) การพยาบาลยับยั้งการหดรัดตัวมดลูก
3) การพยาบาลป้องกันภาวะแทรกซ้อน 4) การพยาบาลส่งเสริมภาวะโภชนาการ 5) การพยาบาลลดความวิตกกังวล
หญิงตั้งครรภ์และครอบครัว 6) การพยาบาลวางแผนจำหน่าย 7) การพยาบาลคลอดก่อนกำหนดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ
8) การพยาบาลติดตามภายหลังจำหน่าย และ 3.) ผลการประเมินความรู้ การปฏิบัติตามแผน และประสิทธิภาพ
การนำไปใช้ของรูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด ของพยาบาลวิชาชีพ
หลังการพัฒนารูปแบบ และผลลัพธ์ของการนำรูปแบบไปใช้
สรุปและข้อเสนอแนะ สรุปรูปแบบการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดที่พัฒนาขึ้น
สามารถนำไปใช้ในการพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้อย่างเหมาะสมและ
มีประสิทธิภาพ โดยมี ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ ดังนี้ 1. ควรส่งเสริมให้มีการใช้แนวทางในการดูแลหญิงตั้งครรภ์
ที่มีภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง 2. การวิจัยครั้งนี้ ใช้ระยะเวลา 4 เดือน ในการพัฒนา
และเก็บข้อมูลประเมิลผลหลังเสร็จสิ้นทันที ในการศึกษาครั้งต่อไปควรเพิ่มระยะติดตามผล เพื่อประเมินความคงอยู่
ของประสิทธิภาพการใช้รูปแบบ 3. ควรมีการทำวิจัยเชิงคุณภาพในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะแทรกซ้อนในระหว่าง
ตั้งครรภ์ เพื่อใช้เป็นแนวทางการดูแล และป้องกันภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด