Page 243 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 243
F29
วัตถุประสงค์การศึกษา
1. เพื่อศึกษาสถานการณ์ปัญหาและความต้องการ การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการดูแล
ผู้ป่วยเด็กโรคปอดอักเสบที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้ำพอง
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคปอดอักเสบที่เข้ารับ
การรักษาในโรงพยาบาลน้ำพอง
วิธีการศึกษา: ดำเนินการวิจัยเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 การศึกษาสถานการณ์ปัญหาและความต้องการ การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการ
ดูแลผู้ป่วยเด็กโรคปอดอักเสบที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้ำพอง วิธีวิจัย: เชิงคุณภาพ โดยวิธีวิจัยด้าน
เอกสาร และการสัมภาษณ์เชิงลึก ผู้ให้ข้อมูลหลักคือพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยเด็ก 9 คน และผู้ปกครอง
ผู้ป่วยเด็กโรคปอดอักเสบ จำนวน 10 ราย เลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกข้อมูล แบบ
สัมภาษณ์พยาบาล และผู้ปกครองผู้ป่วยเด็กโรคปอดอักเสบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยสถิติเชิงพรรณนาและวิเคราะห์
เนื้อหา
ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคปอดอักเสบ
ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้ำพอง กลุ่มตัวอย่างในการพัฒนารูปแบบฯคือพยาบาลหอผู้ป่วยเด็ก 9 ราย ผู้ป่วยเด็ก
โรคปอดอักเสบและผู้ปกครอง 10 ราย คัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง ดำเนินการโดย ทบทวนงานวิจัยและ
หลักฐานเชิงประจักษ์ และนำแนวคิดการมีส่วนร่วมของเชปป์ มาพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมฯ ยกร่างรูปแบบการมี
ส่วนร่วมฯ เสนอผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงและความเที่ยง พัฒนาคู่มือฯ แบบประเมินความพึงพอใจ และ
แบบประเมินการมีส่วนร่วม ประชุมทีมชี้แจงรูปแบบการมีส่วนร่วมฯ ทดลองใช้ และปรับปรุงให้ครอบคลุม
ระยะที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ โดยวิธีวิจัย: เชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยเด็กโรคปอด
อักเสบและผู้ปกครอง จำนวน 30 ราย ดำเนินการโดย นำรูปแบบการมีส่วนร่วมฯลงสู่การปฏิบัติจริง
ประเมินผลการใช้ สรุปผลการพัฒนา ปรับปรุงแก้ไข จัดทำรูปแบบการมีส่วนร่วมฯฉบับสมบูรณ์ และเผยแพร่
วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณ
ผลการศึกษา
1.1. วิเคราะห์สถานการณ์
พยาบาล: การปฏิบัติการพยาบาลจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของบุคคล และแหล่งเรียนรู้
ที่ได้รับ เช่นจากพยาบาลรุ่นพี่ จากการอบรม ประชุมวิชาการ ขาดทักษะในการนำหลักฐานเชิงประจักษ์มาใช้
ทำให้รูปแบบการปฏิบัติการพยาบาล ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และไม่สอดคล้องกับบริบทของหอผู้ป่วย
มีการนำแนวคิดการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการดูแลผู้ป่วยเด็กมาใช้ แต่ยังไม่มีความเฉพาะของโรคปอด
อักเสบ
ผู้ปกครอง: ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรมที่ทำประจำ แต่กิจกรรม
การพยาบาล การสื่อสาร และการตัดสินใจยังปฏิบัติน้อยหรือไม่ได้ปฏิบัติ เนื่องจากขาดความมั่นใจ กลัวบุตร
ได้รับอันตราย มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะไม่เพียงพอในการดูแลผู้ป่วย จึงต้องการความรู้ วิธีปฏิบัติเพื่อให้ดูแล
ผู้ป่วยได้ถูกต้อง
1.2 รูปแบบและผลการใช้ : รูปแบบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการดูแลผู้ป่วยเด็กโรค
ปอดอักเสบที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลน้ำพอง ประกอบด้วย 4 ด้านคือ ด้านกิจกรรมที่ทำประจำ กิจกรรม
การพยาบาล การแลกเปลี่ยนข้อมูล และการตัดสินใจ การปฏิบัติกิจกรรมการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการ
ดูแลผู้ป่วยเด็กโรคปอดอักเสบโดยรวมเพิ่มขึ้นจากร้อย 67.57 เป็นร้อยละ88.47 ด้านกิจกรรมที่ทำประจำเพิ่มขึ้น
จากร้อยละ 91.11 เป็นร้อยละ 95 ด้านกิจกรรมการพยาบาลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 67.22 เป็นร้อยละ 87.59; ด้านการ
แลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 51.83 เป็นร้อยละ 73.50; และ ด้านการตัดสินใจเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35.14 เป็น