Page 261 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 261

G2


                  (ให้) ข้อมูล ศึกษาสถานการณ์ วิเคราะห์ปัญหาและความต้องการ พัฒนาระบบบริการ ออกแบบสร้างเสริม
                  ความรอบรู้สื่อสารภาษาถิ่น เช่น สื่อสุขศึกษา (คุตบะฮ์) ฉบับ 3 ภาษา (ภาษาไทย ภาษามลายูและภาษารูมี)
                  และ ข2: (ช่วยให้) เข้าถึงบริการ ให้คำปรึกษาผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลตามหลักการ CARE-D+ พัฒนานวัตกรรม

                  เฝ้าระวัง (red flag) online เพิ่มการเข้าถึงระบบบริการ (2) Smart mopping ดำเนินการด้านชันสูตร จาก
                  บริบทพื้นที่และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เกิดโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว วัสดุครุภัณฑ์ทาง
                  การแพทย์ไม่เพียงพอ ราคาสูง เกิดความตึงเครียดกังวลใจระดับสูงเกิดความเหนื่อยล้า นำข้อมูลสู่การพูดคุย
                  แก้ไขปัญหา เกิดความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการดัดแปลงประดิษฐ์รถ swab เคลื่อนที่ “NONGJIK HERO
                  CAR” (อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา) สามารถควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า

                  คุ้มทุน คุ้มเวลา สามารถทำงานเชิงรุกควบคุมโรคได้ทันท่วงที เฝ้าระวังเชิงรุกครอบคลุมถึงระดับการ
                  แพร่กระจายเชื้อโรคทางอากาศ (Airborne transmission) เพิ่มชั่วโมงการทำงานได้นานมากขึ้น เพิ่มการเข้าถึง
                  บริการ ลดการใช้อุปกรณ์การตรวจ (swab) ลดการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่ในการทำงาน ภาวะสุขภาพจิตดีขึ้น (3)

                  Smart 2I (IPC&IT) ดังนี้ (1) ดำเนินการเฝ้าระวังระบบการป้องกันการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ (Infection
                  Prevention and Control program: IPC) เชื่อมประสานระบบงานครอบคลุมทุกพื้นที่ ปรับปรุงกระบวนการ
                  เตรียมความพร้อมอยู่เสมอ นำความรู้ทางวิชาการมาปรับใช้ตามสถานการณ์ระบาดโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ำและ (2)
                  ดำเนินการด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ (IT) จัดระบบบริการรับแจ้งบริการ (Service Desk) กำหนด Service

                  Level Agreement (SLA) ปัญหาที่สำคัญเร่งด่วน วิเคราะห์ SLA อุบัติการณ์และกิจกรรม การใช้ NJ-Cloud
                  (ระบบ Data center) เพิ่มความสะดวก ปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง สื่อสารเฝ้าระวังที่ถูกต้อง (4) Smart
                  primary care โดยภาคีเครือข่ายจิตอาสา 5 ด้านในชุมชน (ด้านศาสนา ด้านสุขภาพ ด้านการศึกษา ด้านอาชีพ
                  และด้านสิ่งแวดล้อม) เน้นกระบวนการการมีส่วนร่วมประสานการทำงาน เช่น สื่อเน็ตไอดอลผู้นำศาสนา

                  ชายแดนใต้ สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ ประชาชนสามารถประยุกต์ใช้และเฝ้าระวังโรคระบาดในพื้นที่ (3ส2ข)
                  และ (5) สู่ Smart organization ผ่านคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) สู่องค์กรความ
                  เป็นเลิศ (Excellence) รับรางวัลคณะกรรมการระดับอำเภอดีเด่นระดับประเทศ เกิดนวัตกรรมระบบบริการ
                  ขับเคลื่อนงาน ขับเคลื่อนใจบูรณาการจากอดีตสู่ปัจจุบัน เชื่อมต่อหนึ่งเดียว รับรางวัลเครือข่ายองค์กรปกครอง

                  ส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านการขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพประชาชน นำเสนอผลการดำเนินงานประเภทโปสเตอร์
                  ในเวทีประชุมวิชาการ ณ เมืองไทเป ไต้หวัน และนำเสนอผลงานด้วยวาจา เวทีการประชุมแห่งชาติ ครั้งที่ 17
                  และรับรางวัลการให้บริการประชาชนด้านสาธารณสุขดีเด่นจังหวัดปัตตานี เป็นต้น

                  ผลการศึกษา
                         นวัตกรรมการขับเคลื่อนงาน ขับเคลื่อนใจจากอดีตสู่ปัจจุบัน เชื่อมต่อหนึ่งเดียว ของคณะกรรมการ

                  ระดับอำเภอ อำเภอหนองจิก พอสังเขปดังนี้ 1) พัฒนาระบบการแพทย์ เช่น โปรแกรมให้คำปรึกษาผ่าน
                  เทคโนโลยีดิจิทัล (telecounselling) ตามหลักการ CARE-D+ และรูปแบบการเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบ
                  ในสถานการณ์ปัจจุบัน (จดลิขสิทธิ์จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา) พบว่าร้อยละของผู้รับบริการสามารถในการ

                  ดูแลตนเองดีขึ้นตามลำดับ (≥ร้อยละ 60) ร้อยละ 21.54, 46.43, 55.04 และ 59.66 ผู้รับบริการได้รับการดูแล
                  และเข้าถึงบริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 85 ได้รับการดูแลต่อเนื่องเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.27 อัตราความพึงพอใจเพิ่มขึ้น
                  ร้อยละ 96.26 ไม่พบข้อร้องเรียน ระดับความสุขเพิ่มขึ้น (ร้อยละ 79.97, ร้อยละ 93.96) 2) รถ swab เคลื่อนที่
                  “NONGJIK HERO CAR” สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย พัฒนาและดัดแปลงโดยโรงพยาบาลหนองจิก จดสิทธิบัตร

                  (รอพิจารณา) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา พบว่า เจ้าหน้าที่มีความสุข (Happinometer) เพิ่มขึ้น (ร้อยละ
                  61.6, 89.1) ประหยัดงบประมาณค่าอุปกรณ์ได้ถึง 882,336 บาท เพิ่มชั่วโมงทำงานได้นานขึ้น (ไม่ร้อน) ปรับ
                  รูปแบบการทำงานจากตั้งรับในโรงพยาบาล เป็นการทำงานเชิงรุกเข้าถึงจุดเกิดเหตุที่บ้านและชุมชน ทำให้
                  ค้นหาผู้สงสัยและผู้ติดเชื้อในชุมชนได้รวดเร็ว 3) พัฒนาสื่ออิเล็กทรอนิกส์ความรู้ (E-book) ประกอบการให้
   256   257   258   259   260   261   262   263   264   265   266