Page 141 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 141

D5


                         2. จัดทำ weaning protocol ในผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ให้สามารถนำท่อช่วยหายใจออกได้รวดเร็วขึ้น
                         3. จัดทำแนวทางการให้ยาปฏิชีวนะแก่ทารกแรกเกิดที่มีการติดเชื้อระยะหลัง ร่วมกับกุมารแพทย์โรคติดเชื้อ
                         4. จัดทำแนวทางการให้ IgM enriched IVIG

                         5. จัดให้มีการให้นมแม่ในเด็กที่ใส่ท่อช่วยหายใจภายใน 24 ชั่วโมงหลังนอนโรงพยาบาล
                         หลังจากดูแลผู้ป่วยตามแนวทาง 5 แนวทางที่เพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่า อัตราการเสียชีวิตจาก
                  การติดเชื้อระยะหลัง ลดลงจาก 2.58 เป็น 1.1 : 1,000 การเกิดมีชีพ ดังแผนภูมิที่ 1
                         พ.ศ. 2563 - 2566 จากงานวิจัย early elective replacement of umbilical venous catheter
                  with peripheral inserted central catheter to reduce central line- Associated blood stream

                  Infections in preterm Infants: A randomized trial(3) ซึ่งทำในโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พบว่า
                  ในกลุ่มที่ off UVC ที่อายุ 72 ชั่วโมง เกิด CLABSI 10% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ off UVC ที่อายุ 7 วัน เกิด CLABSI
                  27.4% (RR 2.74, p= 0.03) จึงมีการ

                         1. กำหนดแนวทางให้ นำ UVC ออก ภายในอายุ 3 วัน และ นำ UAC ออก ภายในอายุ 5 วัน โดยเขียน
                  กำกับวันที่ ที่ต้องนำสายสวนออก ที่ป้ายชื่อหน้าเตียงของผู้ป่วย เพื่อเตือนแพทย์เจ้าของไข้ และพยาบาลผู้ดูแล
                  ทุกวันที่ตรวจผู้ป่วยจะมองเห็นและกำกับซึ่งกันและกัน
                         2. มีการใช้ Pediatric Early Warning Score (PEWS) และ Search Out Severity Score (SOS score)

                         3. ขอความร่วมมือจากสูตินรีแพทย์ในการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
                         หลังจากดูแลผู้ป่วยตามแนวทาง 3 แนวทางที่เพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่า อัตราการเสียชีวิตจาก
                  การติดเชื้อระยะหลัง ลดลงจาก 1.1 เป็น 0.36 – 0.81 : 1,000 การเกิดมีชีพ ดังแผนภูมิที่ 1
                         พ.ศ. 2565 – 2566 พบว่า ทารกเกิดก่อนกำหนดน้ำหนักน้อยกว่า 1,000 กรัม เพิ่มขึ้นมาก คิดเป็น

                  11: 1,000 การเกิดมีชีพ เกิดความแออัด ในหอผู้ป่วยเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ดังนั้น การวินิจฉัยและรักษา
                  RDS และ Pulmonary Interstitial Emphysema (PIE) อย่างทันท่วงที ทำให้สามารถตัดสินใจในการลด
                  ventilator setting ได้เร็วและนำท่อช่วยหายใจออกได้เร็วขึ้น จึงจัดให้มีเครื่อง portable chest X-ray ที่หอผู้ป่วย
                  และทำ chest X-ray ข้างเตียงอย่างรวดเร็วโดยแพทย์ประจำบ้าน จากแนวทางนี้พบว่า อัตราการเสียชีวิตจาก

                  การติดเชื้อระยะหลัง ลดลงจาก 0.81 เป็น 0.27 : 1,000 การเกิดมีชีพ ดังแผนภูมิที่ 1

                  แผนภูมิที่ 1 อัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อระยะหลังในทารกแรกเกิด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา
   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146