Page 146 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 146

D10


                         การพัฒนาแนวทางการคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ก่อนคลอด



                                                                                 นางสาวเนาวรัตน์  แกว่นกสิการณ์
                                                                โรงพยาบาลหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี เขตสุขภาพที่ 3

                                                                                               ประเภท วิชาการ

                  ความสำคัญของปัญหาวิจัย
                         การคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ที่แม่นยำมีความสำคัญอย่างมาก ต่อการตัดสินใจในการดูแลและ

                  วางแผนการคลอดที่ปลอดภัยของมารดาและทารก โดยพบว่าทารกที่น้ำหนักไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์จะมี
                  อัตราป่วยและตายมากกว่าทารกที่เจริญเติบโตปกติ หากทารกในครรภ์ตัวโต (macrosomia) ย่อมเสี่ยงต่อ
                  การคลอดยาก คลอดติดไหล่ (shoulder dystocia) ทำให้เกิดการบาดเจ็บเส้นประสาทแขน (brachial plexus

                  injuries) กระดูกไหปลาร้าหัก (fracture clavicle) ขาดออกซิเจน (hypoxia) มารดาเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ
                  ของช่องทางคลอด จนถึงตกเลือดหลังคลอด (postpartum hemorrhage)
                         งานห้องคลอด โรงพยาบาลหนองฉาง เป็นโรงพยาบาลชุมชน ไม่มีสูติแพทย์ มีข้อจำกัดไม่สามารถ
                  อัลตร้าซาวด์เพื่อคาดคะเนน้ำหนักก่อนคลอดได้ทุกราย เดิมพยาบาลห้องคลอดคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์
                  ก่อนคลอดด้วยวิธี Dare’s formula ที่ได้จากการวัดส่วนสูงของมดลูก (SFH) คูณกับเส้นรอบวงหน้าท้องมารดา

                  ที่ระดับสะดือ (AC) พบว่าการคาดคะเนน้ำหนักทารกแรกเกิดมีทั้งค่าที่ใกล้เคียงและค่าที่คลาดเคลื่อนสูง ส่งผล
                  ให้มีการทำคลอดทารกน้ำหนักมากกว่า 4,000 กรัม 5 ราย คลอดติดไหล่ 4 ราย เกิด brachial plexus injury
                  1 ราย และมารดาตกเลือดหลังคลอดจากการฉีกขาดของช่องทางคลอด 2 ราย ดังนั้นผู้วิจัยจึงได้พัฒนาแนวทาง

                  การคาดคะเนน้ำหนักทารกก่อนคลอดที่แม่นยำ ง่ายต่อการปฏิบัติ เพื่อให้มารดาและทารกปลอดภัยจากการคลอด

                  วัตถุประสงค์การศึกษา
                         1. เพื่อพัฒนานวัตกรรมการคาดคะเนน้ำหนักทารกในครรภ์ก่อนคลอด
                         2. เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยน้ำหนักทารกในครรภ์จากการคาดคะเนกับน้ำหนักทารกแรกเกิดจริง

                  วิธีการศึกษา
                           การศึกษานี้เป็นการศึกษาย้อนหลังเชิงพรรณนา (Retrospective descriptive study) โดยใช้

                  กระบวนการพัฒนาคุณภาพ PDCA หมุน 2 รอบ รอบแรกมีเป้าหมายเพื่อให้ได้สูตรและนวัตกรรมการคาดคะเน
                  น้ำหนักทารกในครรภ์ก่อนคลอด จากการเปรียบเทียบ 3 สูตรของ 1) Dareʾs formula : Fetal weight =
                  SFH × AC  2) Risantʾs formula : Fetal weight  = (126.7×SFH) – 931.5 และ 3) สูตรของนุสรา Fetal

                  weight = (80.27×SFH) + (32.85×AC) – 2771.57 โดยศึกษาจากเวชระเบียนผู้คลอด โรงพยาบาลหนองฉาง
                  จังหวัดอุทัยธานี ปี 2560 ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2560 ถึง 31 ธันวาคม 2560 จำนวน 108 ราย ที่มีการวัดส่วนสูง
                  ของมดลูก (SFH) จากขอบบนของกระดูกหัวหน่าวทาบไปตามหน้าท้องมารดาผ่านสะดือไปจนถึงยอดมดลูก
                  และเส้นรอบวงหน้าท้องมารดาที่ระดับสะดือ (AC) หน่วยเป็นเซนติเมตร รอบที่สองนำสูตรที่ได้ไปทดลองใช้กับ

                  ผู้คลอดระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565  จำนวน 177 ราย คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง
                  เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบติดตามน้ำหนักทารกแรกเกิดที่ผู้วิจัยกำหนดขึ้น โดยคำนึงถึงความสอดคล้อง
                  ข้อมูลกับวัตถุประสงค์  วิเคราะห์คุณลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างและผลลัพธ์การคลอดด้วยสถิติเชิงพรรณนา

                  เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยน้ำหนักทารกแรกเกิดที่เป็นจริงกับน้ำหนักที่ได้จากการคาดคะเนด้วยสถิติ paired t-test
                  ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151