Page 280 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 280

G21




                  4. ผลการศึกษา
                         จากผลการดำเนินงาน ปี 2564 รูปแบบการประเมิน คือ ลงตรวจ ณ พื้นที่จริงทุกแห่ง มีหน่วยบริการ
                  ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 28 แห่ง จะหมดอายุการรับรองในเดือนเมษายน 2567 (อายุการรับรอง 3 ปี) ต่อมาในปี
                  2566 ได้ปรับรูปแบบการประเมินแบบออนไลน์จากพื้นที่จริงด้วยระบบ Webex ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 47 แห่ง

                  ซึ่งมีคลินิกเทคนิคการแพทย์ร่วมด้วยจำนวน 2 แห่ง รวมทั้งหมด 75 แห่ง และในปี 2567 ได้ปรับรูปแบบการ
                  ประเมินใหม่อีกครั้ง เพื่อให้มีความสะดวกและประหยัดทรัพยากร คือ ให้หน่วยบริการมานำเสนอที่สสจ.
                  โดยขอขึ้นทะเบียนและได้รับการตรวจประเมินไปแล้ว จำนวนทั้งหมด 32 แห่ง ขณะนี้อยู่ในกระบวนการรับรอง

                  จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมีแผนที่จะตรวจประเมินเพื่อขอขึ้นทะเบียนให้เสร็จภายในเดือน
                  พฤษภาคม 2567 อีกจำนวน 48 แห่ง ถ้าผ่านการขึ้นทะเบียนทั้งหมดภายในปี 2567 จะมีทั้งสิ้น 155 แห่ง
                   ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่มีการขึ้นทะเบียนมากที่สุดในประเทศไทย จากการดำเนินงานได้สำรวจความพึงพอใจ
                  ในรูปแบบการประเมินพบว่าคณะกรรมการทีมผู้ตรวจประเมินมีความพึงพอใจรูปแบบประเมินแบบลงพื้นที่จริง

                  ได้เท่ากับรูปแบบการมานำเสนอที่สสจ. ร้อยละ 93.3 และรูปแบบประเมินออนไลน์ ร้อยละ 80 สำหรับผู้รับ
                  การตรวจประเมินมีความพึงพอใจในรูปแบบการลงพื้นที่จริงร้อยละ 93.3 และการตรวจประเมิน
                  แบบออนไลน์ร้อยละ 98.5 รูปแบบการมานำเสนอที่สสจ. ร้อยละ 97.5 ส่วนผลการสำรวจความพึงพอใจ
                  โดยรวมในกระบวนการตรวจประเมินระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 98.4 และผลการสำรวจความพึงพอใจ

                  ของผู้มารับบริการที่มาเจาะเลือดใกล้บ้านพบว่ามีความพึงพอใจร้อยละ 96
                         ผลการลดความแออัดของโรงพยาบาลแม่ข่ายพบว่ามีผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-
                  communicable diseases; NCDs) ที่ไปเจาะเลือดยังหน่วยบริการใกล้บ้าน ในปี งบประมาณ 2566 จำนวน
                  25,979 ราย จากผู้ป่วยทั้งหมด 73,845 ราย คิดเป็นร้อยละ 35.2 และปีงบประมาณ 2567 จำนวน 28,250 ราย

                  จากผู้ป่วยทั้งหมด 80,567 ราย คิดเป็นร้อยละ 35.1

                  5. อภิปรายผล
                         จากการดำเนินงานพบว่าจังหวัดสุรินทร์มีแนวโน้มการขอขึ้นทะเบียนสูงมากขึ้นทุกปี เนื่องจากการ
                  ตอบรับนโยบายของผู้บริหารระดับสูงที่ให้ความสำคัญกับการลดความแออัดของผู้มารับบริการ จึงทำให้จังหวัด
                  สุรินทร์มีหน่วยเจาะเลือดนอกโรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนสูงที่สุดในระดับเขตสุขภาพที่ 9 และสูงที่สุด

                  ในระดับประเทศ ทั้งนี้เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของโรงพยาลแม่ข่ายและหน่วยบริการลูกข่ายที่มีสัมพันธภาพ
                  ที่ดีต่อกัน พร้อมใจกันประสานความร่วมมือได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้มารับบริการได้รับความสะดวก ลดระยะเวลา
                  การรอคอยการบริการเจาะเลือดและเก็บสิ่งส่งตรวจ และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาล ทำให้เกิด

                  ความพึงพอใจ บุคลากรผู้ปฏิบัติงานก็ปฏิบัติงานด้วยความสุข สำหรับรูปแบบการตรวจประเมิน คณะกรรมการ
                  ผู้ตรวจประเมินได้ประชุมปรึกษาหารือร่วมกันและปรับเปลี่ยนรูปแบบ มาเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดความสะดวก
                  รวดเร็ว ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพราะหากลงตรวจพื้นที่จริงทุกแห่งคงต้องใช้บุคลากร
                  ทีมผู้ตรวจประเมิน และค่ายานพาหนะ ค่าอาหาร จำนวนมาก อีกทั้งข้อจำกัดของคณะกรรมการทีมผู้ตรวจ

                  ประเมินไม่เพียงพอที่จะออกตรวจได้ครบทุกแห่งและต้องใช้เวลานาน จึงได้มีการปรับรูปแบบให้เหมาะสม โดย
                  ได้รับแนะนำจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้ทางสสจ.เป็นผู้กำหนด ดังนั้นคณะกรรมการจึงวิเคราะห์ข้อดี
                  ข้อเสียของแต่ละรูปแบบ จนมาเป็นรูปแบบการประเมินที่ให้ทุกหน่วยที่ขอขึ้นทะเบียนมานำเสนอ ณ สสจ.
                  ที่เดียว และได้กำหนดในกรณีที่ขอต่ออายุการรับรองจะมีการสุ่มลงตรวจพื้นที่จริงร้อยละ 5 ของหน่วยบริการที่

                  ขอขึ้นทะเบียนในโรงพยาบาลแม่ข่ายเดียวกันด้วย
   275   276   277   278   279   280   281   282   283   284   285