Page 283 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 283

G24




                  3. วิธีการศึกษา
                         รูปแบบงานวิจัย Interventional research แบบ randomized control intervention
                         ประชากรที่ศึกษา        ผู้ที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไปในจังหวัดสุรินทร์

                         ระยะเวลาที่ศึกษา      ตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึง เดือน สิงหาคม พ.ศ. 2566
                         สถานที่               หน่วยบริการปฐมภูมิทุกอำเภอในจังหวัดสุรินทร์ (17 อำเภอ)
                         สถิติที่ใช้           Risk difference (%),p-value, number needed to treat

                  4. ผลการศึกษา
                         จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป พบว่า ผู้สูงอายุเป็นเพศชายใกล้เคียงกันกับเพศหญิง ในกลุ่มทดลอง

                  พบเพศชายจำนวน 161 ราย คิดเป็นร้อยละ 50.5 ในกลุ่มควบคุม พบเพศหญิง จำนวน 164 รายคิดเป็นร้อยละ
                  51.4 อายุเฉลี่ย กลุ่มทดลอง 79.2 ปี กลุ่มควบคุม 78.7 ปี ด้านโรคร่วม กลุ่มทดลอง พบมีโรคร่วม ร้อยละ 17.9
                  กลุ่มควบคุม ร้อยละ 25.0 ด้านการดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มทดลองดื่มร้อยละ 1.9 กลุ่มควบคุมดื่มร้อยละ 1.3
                  ด้านคะแนน ADL กลุ่มทดลอง 54.9 คะแนน กลุ่มควบคุม 58 คะแนน ในด้าน Fall Risk Scale ที่มีคะแนน

                  น้อยกว่า 4 คะแนน กลุ่มทดลอง มีร้อยละ 79.4 กลุ่มควบคุม มีร้อยละ 80.2 ทั้งสองกลุ่มพบดัชนีมวลกาย
                  (BMI) อยู่ในเกณฑ์ปกติ
                          ผลการศึกษา พบว่า 1) กลุ่มที่ได้รับการเยี่ยมบ้าน มีการหกล้ม 18 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.6 แบ่งเป็น
                  เพศหญิง 11 ราย (ร้อยละ 61.11) เพศชาย 7 ราย (ร้อยละ 38.89) อัตราส่วนเพศหญิง ต่อเพศชาย 1: 1.57

                  กลุ่มที่ไม่ได้รับการเยี่ยมบ้าน มีการหกล้ม 62 ราย คิดเป็นร้อยละ 19.4 แบ่งเป็น เพศหญิง 32 ราย (ร้อยละ 51.61)
                  เพศชาย 30 ราย (ร้อยละ 48.39) อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชาย 1: 1.07 และ 2) อัตราการหกล้ม
                  ในกลุ่มที่ได้รับการเยี่ยมบ้านต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการเยี่ยมบ้านร้อยละ 13.8 (-18.8, -8.8) (p < 0.001)
                  เมื่อคำนวณเป็นจำนวนที่ต้องใช้เพื่อการรักษา (number needed to treat) การเยี่ยมบ้าน 8 คน จะสามารถ

                  ป้องกันการหกล้มได้ 1 ราย (95%CI = 6-12 คน)

                  5. อภิปรายผล
                         ด้านโรคร่วม กลุ่มทดลองมีโรคร่วมหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการหกล้ม
                  7 ราย (ร้อยละ 70) มากกว่ากลุ่มควบคุมซึ่งมี 3 ราย (ร้อยละ 30)  ด้านการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลต่อ
                  ความสามารถในการทรงตัวและการเดิน เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ

                  กลุ่มทดลองมีการดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 1.9 มากกว่ากลุ่มควบคุม ซึ่งดื่มน้อยกว่า คือ ร้อยละ 1.3
                  ด้านความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน (Barthel Activity of Daily Living Index : ADL)
                  กลุ่มทดลองมีคะแนนความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวัน (Barthel Activity of Daily Living Index : ADL)

                  เท่ากับ 54.9 คะแนน ซึ่งน้อยกว่ากลุ่มควบคุมที่มีคะแนน 58 คะแนน จึงมีความเสี่ยงต่อการหกล้มสูงกว่า
                  ทุกด้านพบว่า กลุ่มทดลองซึ่งได้รับการเยี่ยมบ้านมีอัตราการหกล้มน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการเยี่ยมบ้าน
                  แสดงให้เห็นว่าการจัดสิ่งแวดล้อมตามแนวทางของสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อมกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
                  (2558) ลดอัตราของการหกล้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                           ประสิทธิภาพการเยี่ยมบ้านที่เน้นการจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ จังหวัดสุรินทร์

                  ซึ่งเกิดจากการทบทวนงานวิจัยและงานวิชาการ แล้วนำมากำหนดเป็นประเด็นที่ใช้ในการป้องกันการหกล้ม
                  ส่งผลให้อัตราการหกล้มของผู้สูงอายุลดลง ทั้งนี้เนื่องจากมีการทำงานร่วมกัน โดยทีมจากหน่วยบริการปฐมภูมิ
                  ทุกอำเภอทั้ง 17 แห่ง ร่วมกันประเมินความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มของผู้สูงอายุ (fall risk assessment in

                  elderly) เพราะบ้านเป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีความปลอดภัยมีความสะดวกและให้ความสุขกับผู้สูงอายุได้
                  การจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นพลังแห่งการเยี่ยวยา (Healing Environment) นอกจากจะทำให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิต
   278   279   280   281   282   283   284   285   286   287   288