Page 608 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 608

O22


                  วิธีการศึกษา : การศึกษาในครั้งนี้มีรูปแบบการศึกษาแบบวิจัยกึ่งทดลอง ( Quasi- Experiment Research)
                  แบบกลุ่มเดียววัดผลก่อนและหลัง (One group pre and post-test research design) ประยุกต์ใช้นวัตกรรม
                  เป็นระยะเวลา 3 เดือนตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน 2566 - มกราคม  2567  ใช้รูปแบบการคัดเข้าแบบจำเพาะ

                  เจาะจง (Purposive Sampling) โดยคัดเลือกอาสาสมัครเป็นผู้ป่วยระยะกลางจำนวน 10 รายที่ยินดีเข้าร่วม
                  การศึกษาการประยุกต์ใช้นวัตกรรม ซึ่งได้รับการตรวจประเมินว่ามีความบกพร่องเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและ
                  การทรงตัว โดยนวัตกรรมเสียง เหยียบ ย่าง สร้างสมดุล (NAKAE Sound Stand and Step Model1) โดย
                  หากผู้ป่วยสามารถลงน้ำหนักไปกดปุ่มจะมีเสียงตอบกลับว่า “พยายามลงน้ำหนักได้ดีมากค่ะ ลองพยายาม

                  ทำซ้ำอีกสักรอบนะคะ สู้ต่อไปค่ะ” เป็นการให้กำลังใจ อาสาสมัครทุกรายจะได้รับการประเมินเกี่ยวกับข้อมูล
                  สุขภาพและประเมินสมรรถนะจากนักกายภาพบำบัด ดังนี้ 1.ประเมินความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตร

                  ประจำวันด้วยแบบประเมิน Barthel Index คะแนนเต็ม 20 คะแนน  2.ประเมินความสามารถในการทรงตัว
                  ด้วยแบบประเมิน Berg Balance Scale คะแนนเต็ม 56 คะแนน ก่อนการฝึกทางกายภาพบำบัดและการ
                  ประยุกต์ใช้นวัตกรรม หลังจากนั้นอาสาสมัครจะได้รับการฝึกทางกายภาพบำบัด เป็นระยะเวลา 60 นาที ณ
                  แผนกกายภาพบำบัดโรงพยาบาลนาแก 1 ครั้ง/สัปดาห์  โดยแบ่งการฝึกออกเป็น การออกกำลังกายเพื่อ

                  เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ, การฝึกยืนและการเดินด้วยกายอุปกรณ์เป็นระยะเวลา 30 นาที และ
                  ประยุกต์ใช้นวัตกรรมเสียง เหยียบ ย่าง สร้างสมดุล (NAKAE Sound Stand and Step Model1) เพื่อกระตุ้น
                  การลงน้ำหนักและฝึกการทรงตัวเป็นระยะเวลา 30 นาที เป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เดือน เมื่อครบตาม

                  ระยะเวลาอาสาสมัครทุกรายจะได้รับการประเมินสมรรถนะซ้ำและทำการเปรียบเทียบผลก่อนหลังการ
                  ประยุกต์ใช้นวัตกรรม

                  การวิเคราะห์ข้อมูล: ผู้ศึกษาเก็บข้อมูลของอาสาสมัครแต่ละรายเป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เดือน โดยแบ่งการ
                  วิเคราะห์ข้อมูลออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนแรก คือ การวิเคราะห์ข้อมูลคุณลักษณะทั่วไปของอาสาสมัครส่วนที่

                  สองเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลสมรรถนะของผู้ป่วยประกอบด้วยแบบประเมินกิจวัตรประจำวัน Barthel Index
                  และแบบประเมินระดับความสามารถในการทรงตัว Berg Balance Scale วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย
                  โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS Version 29 วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลด้วยสถิติการแจกแจงความถี่ร้อยละและส่วน

                  เบี่ยงเบนมาตรฐานและวิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนแบบประเมินระดับประเมินกิจวัตรประจำวัน Barthel
                  Index และแบบประเมินความสามารถในการทรงตัว Berg Balance Scale ก่อนและหลังโดยใช้สถิติ
                  Dependent- T Test

                  ผลการศึกษา : อาสาสมัครประกอบด้วยผู้ป่วยระยะกลางทั้งหมด 10 ราย แบ่งออกเป็นเพศชาย 6 ราย เพศ

                  หญิง 4 ราย มีอายุเฉลี่ย  49.20 ± 14.26 ปีและมีระยะเวลาป่วยเฉลี่ย  2.50 ± 1.08  เดือน สามารถจำแนก
                  ตามการวินิจฉัยโรค ดังนี้ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง 4 ราย , บาดเจ็บที่ศีรษะสมอง 3 ราย และไขสันหลัง
                  บาดเจ็บ 3 ราย  โดยมีลักษณะอาการแสดง ร่างกายซีกขวาอ่อนแรง 3 ราย, ร่างกายซีกขวาอ่อนแรง 4 ราย ,

                  แขนและขาทั้งสองข้างอ่อนแรง 2 ราย และขาทั้งสองข้างอ่อนแรง 1 ราย ผลการวิเคราะห์ระดับคะแนนการ
                  ปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน Barthel Index ค่าเฉลี่ยก่อนการประยุกต์ใช้นวัตกรรมมีค่าเท่ากับ    3.90 ± 1.97
                  คะแนนและหลังประยุกต์ใช้นวัตกรรมมีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 11.10 ± 4.18 คะแนน ผลการวิเคราะห์
                  ความสามารถในการทรงตัว Berg Balance Scale พบว่าก่อนการประยุกต์ใช้นวัตกรรมมีค่าคะแนนเฉลี่ย

                  เท่ากับ 12.70 ± 6.45  คะแนน และค่าคะแนนเฉลี่ยหลังประยุกต์ใช้นวัตกรรมพบว่ามีค่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ
                  23.90 ± 8.61 คะแนน ผลการวิเคราะห์ค่าความแตกต่างทางสถิติด้วย Dependent T test พบว่า อาสาสมัคร
                  มีความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันและความสามารถในการทรงตัวเพิ่มขึ้นก่อนการประยุกต์ใช้

                  นวัตกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ  p value < 0.001
   603   604   605   606   607   608   609   610   611   612   613