Page 207 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 207
คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)
๕. หลักการดูแลที่ไม่เกิดความขัดแย้งกับผู้ป่วย การที่พิจารณาแล้วว่าไม่เป็นอันตราย แม้จะดู
เพี้ยน แปลก ก็ควรผ่อนปรนให้ผู้ป่วยยอมให้ทำได้
๖. การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ป่วย ผู้ดูแลต้องแนะนำตัวอย่างชัดเจนกับผู้ป่วย บอกรายละเอียดว่า
จะมาเมื่อใด กลับเวลาไหน (กรณีไป - กลับ) ควรใช้เวลาพูดคุยกับผู้ป่วย ให้เกิดบรรยากาศความไว้วางในเนื้อหาที่
คุยที่จะพูดคุยเป็นเรื่องชีวิตประจำวันธรรมดาๆ เช่น ดินฟ้าอากาศ วัน เดือน ปี เรื่องธรรมชาติ ดอกไม้ ต้นไม้
พูดเรื่องเก่าๆ อ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง เป็นต้น
๗. เมื่อใดก็ตามที่ผู้ดูแลเกิดอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าว ควรจะรีบเตือนตัวเองและพาตนออกจากผู้ป่วย
เนื่องจากผู้ป่วยจะไม่เข้าใจว่าผู้ดูแลมีความรู้สึกอย่างไร เพราะการรับรู้ของเขาลดลง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยยังคงรับรู้
ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นและอาจมีพฤติกรรมแปลกๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นการรบกวนคนรอบข้างมากขึ้น ส่งผลให้
ผู้ดูแลมีความหงุดหงิดมากขึ้น ดังนั้นผู้ดูแลควรรีบออกจากผู้ป่วยและหาทางผ่อนคลาย และอาจขอคำแนะนำ
ปรึกษาจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาทางช่วยเหลือ
๘. การจัดสิ่งแวดล้อม ควรเงียบ สงบ อย่าให้มีสิ่งรบกวน จัดสื่งของให้เหมือนเดิม อย่าเคลื่อนย้ายสิ่งของ
ผู้ป่วยจะไม่คุ้นเคย
๙. ผู้ดูแลควรสังเกตพฤติกรรมที่เป็นปัญหาหรือพฤติกรรมแปลกๆ ที่เพิ่มมากขึ้นอาจมีสาเหตุ เสียงที่ดัง
เกินไปรบกวนผู้ป่วย ความสามารถในการสื่อสารน้อยลงหรือสื่อสารได้ยากลำบากขึ้น ทักษะต่างๆ น้อยลง
ความไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อม ความไม่สบายทางกาย ผู้ดูแลต้องเอาใจใส่และให้การช่วยเหลือ
แนวทางการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมกับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาต่างๆ
๑. พฤติกรรมไม่ชอบอาบน้ำ
การอาบน้ำในผู้ป่วยสมองเสื่อม อาจทำให้ผู้ป่วยกลัวจนเกิดการต่อต้าน ไม่ยอมอาบ ส่งผลให้เกิด
ความเหน็ดเหนื่อยแก่ผู้ดูแลได้
แนวทางการช่วยเหลือ
๑.๑ พยายามจัดเวลาการอาบน้ำให้เป็นกิจวัตรประจำสม่ำเสมอ เช่น หลังตื่นนอน หลังการ
เดินเล่นตอนเช้า เป็นต้น
๑.๒ ทำบรรยากาศการอาบน้ำให้ง่ายๆ ไม่ใช่การบังคับ
๑.๓ บอกผู้ป่วยล่วงหน้าว่าต้องอาบน้ำ
๑.๔ ค่อยๆ ให้ผู้ป่วยคุ้นเคยกับอุณหภูมิของน้ำ ไม่ควรร้อนหรือเย็นจนเกินไป ตลอดจนยืดหยุ่น
ตามความต้องการของผู้ป่วย
๒. ปัญหาความสับสนเรื่องเวลาและสถานที่
ความสับสนเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ อาจทำให้ผู้ป่วยบางคน ตกใจตื่นกลางดึก และแต่งตัว
ไปทำงานหรือคิดว่าโรงพยาบาล คือบ้านของตนเอง เป็นต้น
แนวทางการช่วยเหลือ
๒.๑ ทำป้ายบอกเวลา กลางวันกลางคืน วางไว้ข้างเตียงนอน ในตำแหน่งที่ผู้ป่วยสามารถมองเห็น
ได้ง่าย โดยป้ายดังกล่าวอาจติดป้ายชื่อ รูปถ่ายหรือสัญลักษณ์ร่วมด้วย
๒.๒ ญาติหรือผู้ดูแล คอยพลิกป้ายให้ถูกต้องตามเวลา
๒.๓ พยายามจัดข้าวของในบ้านให้อยู่ในสภาพเดิมเสมอ ไม่ควรเปลี่ยนแปลงบ่อยเพราะผู้ป่วย
จะจำไม่ได้
๑๓๑