Page 243 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 243
คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)
๒. ผู้ป่วยควรเรียนรู้วิธีทำความสะอาดสายยางหรือท่อให้อาหารจากพยาบาล และปฏิบัติตาม
โดยเคร่งครัด
๓. สายยางหรือท่อให้อาหารจะมีอายุการใช้งาน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชนิดของสายยางหรือท่อให้อาหาร
จึงควรสังเกต ถ้าเสื่อมสภาพควรแจ้งแพทย์หรือพยาบาลเพื่อเปลี่ยนใหม่ วิธีสังเกตสายยางหรือท่อให้อาหาร
เสื่อมสภาพคือ มีลักษณะเปื่อย มีน้ำหรือเศษอาหารซึมออกมาขณะให้อาหาร หรือมีรอยฉีกขาดรั่วซึม เป็นต้น
การดูแลผิวหนังบริเวณที่ใส่สายยางหรือท่อให้อาหาร
๑. ทำความสะอาดด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์หรือน้ำยาเบตาดีน วันละ ๒ ครั้ง เช้า - เย็น แต่ถ้าสกปรกมาก
ก็เพิ่มการทำความสะอาดได้อีกตามความเหมาะสม
๒. ไม่จำเป็นต้องปิดแผลบริเวณนั้น แต่ถ้ามีอาการระคายเคืองให้ใช้ผ้ากอซสะอาดปิดได้ หากไม่ทราบ
วิธีปฏิบัติ ควรสอบถามและฝึกปฏิบัติจากพยาบาล
๓. สังเกตว่ามีการอักเสบติดเชื้อบริเวณผิวหนังส่วนนั้นหรือเปล่า ถ้ามีต้องแจ้งแพทย์หรือพยาบาล
ลักษณะการอักเสบติดเชื้อคือ ผิวหนังจะแดงเจ็บและอาจมีตุ่มหนอง
การรับประทานยา
ควรได้รับอย่างสม่ำเสมอและถูกต้อง โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิตสูง ยาละลายลิ่มเลือด ยาลดไขมัน
ยารักษาโรคเบาหวาน ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น ยาวาฟาริน หรือยาละลายเกร็ดเลือด
เช่น ยาแอสไพริน ผู้ดูแลควรสังเกตผลข้างเคียงของยาที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น มีเลือดออกตามไรฟัน จุดจ้ำเลือด
ตามร่างกาย การปวดแสบท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่มากผิดปกติ ถ่ายดำหรือปัสสาวะเป็นสีน้ำล้างเนื้อ ควรรีบปรึกษา
แพทย์หรือพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีปัญหาการกลืน ควรกลืนยาเป็นเม็ด ไม่ควรบดยาหรือละลายน้ำ
เพราะจะทำให้การออกฤทธิ์ของยาไม่สม่ำเสมอ เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง ยากันชัก ยาขยายหลอดลม
การดูแลผู้ป่วยพระสงฆ์อาพาธที่มีเครื่องช่วยหายใจ
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนเพียงพอและไม่มีการคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์โดย
๑. ประเมินสภาพผู้ป่วย
๒. ตรวจและบันทึกข้อมูลของเครื่องช่วยหายใจ
๓. ดูดเสมหะเพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
๔. กรณีที่ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ ดูแลท่อช่วยหายใจให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
๕. บันทึกปริมาณอากาศที่หายใจออกของผู้ป่วยแต่ละครั้งอย่างน้อย วันละครั้งเพื่อประเมิน
ความก้าวหน้าของผู้ป่วย
๖. ดูแลเครื่องช่วยหายใจให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
๗. ประเมินสภาพและป้องกันการติดเชื้อของทางเดินหายใจ
๘. สังเกตลักษณะสีกลิ่นของเสมหะ เก็บเสมหะส่งเพาะเชื้อและติดตามผล
ลดความเจ็บปวดทุกข์ทรมานและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน โดย
๑. ดูแลทำความสะอาดช่องปาก
๒. ป้องกันการเลื่อนหลุดของท่อช่วยหายใจโดยติดพลาสเตอร์ให้เหมาะสม
๓. ระวังไม่ให้สายดึงรั้ง
๔. ป้องกันการบาดเจ็บของทางเดินหายใจ
๕. ป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
๖. ป้องกันการดึงท่อโดยการผูกมัดอย่างระมัดระวัง
๑๖๗