Page 120 - ระบบรับส่งต่อผู้ป่วย
P. 120

วิธีกำรศึกษำ
                                                        ั
                          ั
                       การพฒนารูปแบบการส่งต่อ ด าเนินการพฒนารูปแบบการส่งต่อและแนวปฏิบัติการพยาบาล โดยใช้วงจร
                  PAOR 5 ได้แก่ ขั้นวางแผน (Plan) ประชุมคณะกรรมการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด Standard order
                  การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านทางแอปพลิเคชั่น line ACS (ตลอด 24 ชั่วโมง) แนวทางการส่งต่อข้อมูลศูนย์

                  ส่งต่อระบบ STEMI fast track ระบบการเบิกจ่ายยาระหว่างโรงพยาบาลมุกดาหารและโรงพยาบาลชุมชน
                  กรณีผู้ป่วยได้ยาละลายลิ่มเลือดจากโรงพยาบาลชุมชนสามารถส่งต่อข้อมูลพร้อมส่งตัวผู้ป่วยนอนรักษาที่หอ

                  ผู้ป่วย CCU  พร้อมน าแนวทางสู่โรงพยาบาลชุมชนเครือข่ายจังหวัดมุกดาหาร และติดตามนิเทศทุก 3 เดือน
                  ขั้นปฏิบัติตามแผน (Act) รวบรวมข้อมูลการส่งต่อผู้ป่วย ขั้นสังเกตผล (Observe) ผู้ป่วยที่ส่งต่อ
                  จากโรงพยาบาลชุมชนมีอาการเปลี่ยนแปลงขณะน าส่งให้ประเมินผู้ป่วยก่อนน าส่งที่หอผู้ป่วย CCU โรงพยาบาล

                  มุกดาหาร และขั้นสะท้อนผล (Reflect) เยี่ยมเสริมพลังและคืนข้อมูลให้โรงพยาบาลชุมชน

                  ผลกำรศึกษำ

                         ในปี 2565 พบผู้ป่วย STEMI ที่เข้ารับการรักษาในจังหวัดมุกดาหาร จ านวน 55 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ส่งต่อ
                  จากโรงพยาบาลชุมชนมารับการักษาที่โรงพยาบาลมุกดาหาร จ านวน 22 ราย แล้วผู้ป่วย STEMI ที่ได้ส่งต่อ
                  ไปยังโรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์แม่ข่ายเพอเปิดหลอดเลือดหัวใจ (CAG) มีจ านวน 20 ราย (ร้อยละ 90.91)
                                                        ื่
                  เสียชีวิต 2 ราย (ร้อยละ 9.09) ระยะที่ 1 การวิเคราะห์สถานการณ์ค้นหาปัญหา จากการวิเคราะห์ปัญหา

                  โดยได้ข้อมูลจากพยาบาลที่ส่งต่อผู้ป่วย STEMI และศูนย์ประสานการส่งต่อโรงพยาบาลมุกดาหาร พบว่า
                                                                                 ้
                  พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยขณะส่งต่อยังมีความไม่มั่นใจในการแปลผลคลื่นไฟฟาหัวใจและสมรรถนะในการดูแล
                  ผู้ป่วย STEMI ในระยะวิกฤต ส่งผลให้การดูแลผู้ป่วยไม่มีประสิทธิภาพและขาดความต่อเนื่องในการดูแลปรึกษา
                  ผู้เชี่ยวชาญล่าช้าเนื่องจากติดต่อแพทย์ไม่ได้ รายงานข้อมูลไม่ชัดเจนต้องประเมินผู้ป่วยซ้ า และพยาบาลที่ดูแล

                                                                                 ุ
                  ไม่ทราบต าแหน่งของอปกรณ์ที่อยู่บนรถ Refer และความถนัดในการใช้อปกรณ์บนรถ ส่งผลให้ผู้ป่วยเกิด
                                      ุ
                                                          ั
                  ภาวะแทรกซ้อนและอาจเสียชีวิต ระยะที่ 2 พฒนาแนวทางการพยาบาลการส่งต่อผู้ป่วย จากการใช้วงจร
                  PAOR พบว่า มีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและต้องประสานข้อมูลที่ซ้ าซ้อนทั้งศูนย์ประสานส่งต่อและหอผู้ป่วย
                  CCU ที่ซ้ าซ้อนท าให้เกิดความล่าช้าในการส่งต่อผู้ป่วย และขาดความติดต่อประสานอาการผู้ป่วยต่อเนื่องโดย
                                                                                   ั
                  ขาดแนวทางการดูแลผู้ป่วยกลุ่มกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โดยมีการปรับปรุงพฒนารูปแบบการดูแลพยาบาล
                  และการส่งต่อผู้ป่วยโดยจัดท าแนวทางในการปฏิบัติจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ซึ่งผู้ป่วยที่มีปัญหาที่ซับซ้อน
                  ควรมีแพทย์เจ้าของไข้ดูแลขณะส่งต่อ และจัดท ามาตรฐานความปลอดภัยของรถ จัดท าคู่มือการใช้รถ
                  และอุปกรณ์ที่มีบนรถตามมาตรฐานที่ก าหนด ระยะที่ 3 การประเมินผล ผลการศึกษา พบว่า อัตราการเสียชีวิต

                                                                 ึ
                  ของผู้ป่วย STEMI ขณะน าส่ง ร้อยละ 0 การเกิดเหตุไม่พงประสงค์ ร้อยละ 0.66 ผลการใช้แนวทางการปฏิบัติ
                  ขณะน าส่ง พบว่า พยาบาลขณะส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลมุกดาหาร มีความพร้อมก่อนส่งต่อ ร้อยละ 100
                  ประกอบด้วยการเตรียมอุปกรณ์การใช้งานบนรถและเอกสาร การดูแลขณะส่งต่อ ร้อยละ 95 ซึ่งมีการประเมิน

                  อาการผู้ป่วยทุก 5 - 10 นาที และการขอค าปรึกษาเมื่อผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงทันทีได้ และเมื่อถึง
                  โรงพยาบาลปลายทางมีการส่งมอบข้อมูลที่ครบถ้วน ร้อยละ 100 ทั้งข้อมูลของผู้ป่วยแผนการรักษา และอาการ
                  ที่เปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยตามแบบฟอร์มที่ก าหนด

                  อภิปรำยผล
                         เมื่อผู้ป่วยมีการเข้าถึงรับบริการที่รวดเร็วท าให้ผู้ป่วยเข้าถึงมีแนวโน้มเพมมากขน แต่พบว่ามีการเข้าถึง
                                                                                   ิ่
                                                                                         ึ้
                                                                                           ั
                  ด้วยระบบ EMS น้อยกว่าร้อยละ 20 ซึ่งการเข้าถึงด้วยระบบ EMS สามารถช่วยลดอตราตายที่ผู้ป่วยก่อน
                  ถึงสถานพยาบาลได้และสามารถช่วยให้ได้รับยาละลายลิ่มเลือดทางหลอดเลือดด าเร็วขึ้น ดังนั้นการ
                            ั
                  ประชาสัมพนธ์ STEMI Alert, Awareness และการใช้บริการ EMS จะท าให้ผู้ป่วยใช้บริการด้วยระบบ EMS





                      ผลงานวิชาการ Smart Referral System for “One Province One ER” 2023                      116
   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125