Page 24 - ผลงานวิชาการระบบส่งต่อ 2567
P. 24

อภิปรายผล
                         จากการศึกษา เรื่อง ผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลการรับส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตต่อการเข้าถึง

                  บริการและคุณภาพการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้อภิปรายผลตามวัตถุประสงค์การวิจัย ดังนี้ เพื่อเปรียบเทียบ
                  ระยะเวลาการเข้าถึงบริการและคุณภาพการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติที่รับส่งต่อ ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม
                  พบว่าแนวปฏิบัติการพยาบาลการรับส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตประกอบด้วย 1) การประสานและรับแจ้งข้อมูล
                  2) การตรวจสอบข้อมูล 3) การประเมินผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่รับส่งต่อซึ่ง แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ การประเมิน

                  ก่อนส่งต่อ การประเมินระหว่างการส่งต่อ และการประเมินขณะส่งมอบ และ 4) การรับผู้ป่วยและการจำหน่าย
                  หลังจากผู้ป่วยได้รับการดูแลตามแนวปฏิบัติการพยาบาลการรับส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์
                  ดังนี้ ระยะเวลาการเข้าถึงบริการเฉลี่ยของผู้ป่วยส่งต่อฉุกเฉินวิกฤตที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลการรับส่งต่อ
                  ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตและระยะเวลาการเข้าถึงบริการเฉลี่ยของผู้ป่วยส่งต่อฉุกเฉินวิกฤตที่ใช้แนวปฏิบัติเดิมพบว่า

                  ระยะเวลาการเข้าถึงบริการเฉลี่ยของผู้ป่วยส่งต่อฉุกเฉินวิกฤตที่ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลการรับส่งต่อผู้ป่วย
                  ฉุกเฉินวิกฤต (Mean = 1.33, S.D. = ๐.๔๘) และระยะเวลาการเข้าถึงบริการเฉลี่ยของผู้ป่วยสงต่อฉุกเฉินวิกฤต
                  ที่ใช้แนวปฏิบัติเดิม (Mean = 3.48, S.D. = 1.082) อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่น้อยกว่า 0.001 โดยพบว่า
                  กลุ่มทดลองมีระยะเวลาเฉลี่ยในการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่รับการส่งต่อเร็วกว่ากลุ่มควบคุม

                  ซึ่งสอดคล้องกับคู่มือแนวทางการพัฒนาระบบส่งต่อของกองบริหารกระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน
                  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กล่าวว่าการกำหนดบทบาทหน้าที่ของสถานพยาบาลผู้รับและผู้ส่งแนวทาง
                  การรับส่งต่อจะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้อย่างต่อเนื่องรวดเร็ว และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องหลายเรื่องได้กล่าวว่า

                  การมีแนวทางการสื่อสารที่ชัดเจนจะช่วยลดระยะเวลาในการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญ
                  ทางสถิติ 2,5,7,14,15,17,24    ในขณะที่ กิตติมา โพธิปัต และคณะ ศึกษาปัจจัยที่สัมพันธ์กับระยะเวลาการรับบริการ
                  ผู้ป่วยระดับวิกฤตในห้องฉุกเฉินนานกว่า 2 ชั่วโมง ของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ พบว่าปัจจัย
                  ที่สัมพันธ์กับระยะเวลาการรับบริการผู้ป่วยวิกฤตในห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นานกว่า
                  2 ชั่วโมง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ การปรึกษาแพทย์แผนกศัลยกรรมทั่วไป ศัลยกรรมประสาท ศัลยกรรม

                  กระดูก และการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยมีการรับผู้ป่วยรักษาต่อแผนกผู้ป่วยใน และการรับรักษาต่อ
                  ที่ห้องสังเกตอาการ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแนวปฏิบัติการพยาบาลการรับส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตเป็นแนวปฏิบัติ
                  ในการประสานการรับส่งต่อระหว่างสหสาขาวิชาชีพ และหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทำให้เกิดการเตรียมความพร้อม

                  ในการรับส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตของแต่ละหน่วยงาน อีกทั้งมีการสื่อสารทางการพยาบาลโดยใช้เทคนิค
                  ISBAR เป็นแนวทางเดียวกันทำให้การรับส่งเวรใช้เวลาลดลง ซึ่งสอดคล้องกันงานวิจัย        7,8,15,16
                  ร้อยละของผู้ป่วยส่งต่อฉุกเฉินวิกฤตที่ใช้แนวปฏิบัติพยาบาลการรับส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้รับการได้รับ
                  การดูแลเหมาะสมตามการประเมิน ในด้านของ A B C D โดยภาพรวมพบว่าในระยะแรกรับและระยะระยะ
                  ต่อเนื่องถึงจำหน่าย ในกลุ่มทดลอง ได้รับการดูแลที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นมากสุดถึงร้อยละ ๑๐๐ ซึ่งสอดคล้องกับ

                  งานวิจัยของ วาสิทธิ์ นงนุช และคณะ (2560) ได้ศึกษาการพัฒนาคุณภาพระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ระหว่าง
                  สถานพยาบาล โรงพยาบาลเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่าการมีแนวปฏิบัติการพยาบาล ในระบบส่งต่อผู้ป่วย
                  ฉุกเฉินทำให้คุณภาพการบริการผู้ป่วยมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และสอดคล้องกับ สุภาวดี สุทธิอาจและ

                                25
                  สุบรรณ อาจสมัย  ที่ศึกษาการพัฒนาแนวทางปฏิบัติการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะวิกฤติ โรงพยาบาลไชยวาน
                  จังหวัดอุดรธานี พบว่ารูปแบบการพยาบาลผู้ป่วยบาดเจ็บหลายระบบที่พัฒนาขึ้นช่วยเพิ่มคุณภาพการดูแล
                  ให้มี ประสิทธิผลยิ่งขึ้นทั้งในด้านผลลัพธ์ทางการพยาบาล ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้น

                  สรุปและข้อเสนอแนะ
                         จากผลการศึกษาครั้งนี้ สรุปได้ว่าผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลการรับส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต

                  สามารถทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้เร็วขึ้น และยังช่วยให้ดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นอย่าง
                  มีนัยสำคัญ และสามารถนำไปให้เป็นแนวทางการปฏิบัติการพยาบาลฯ ในศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วย โรงพยาบาลพุทธชินราช
                                                                                                          20


                     โครงการประชุมสัมมนาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระบบรับส่งต่อผู้ป่วย ปีงบประมาณ 2567
   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28   29