Page 106 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 106
B36
การสร้างเสริมพลังอำนาจของครอบครัวที่มีผลต่อการตัดสินใจการตรวจมะเร็งปากมดลูกของสตรี
ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช
นางจันทร์ทิมา สุดสมบูรณ์
โรงพยาบาลพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตสุขภาพที่ 11
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหาวิจัย
องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) มีมติให้ภายในปี 2573 ทุกประเทศ ลด
อัตราการตายจากมะเร็งปากมดลูกในสตรีให้น้อยกว่า 4 : 100,000 ราย มะเร็งปากมดลูก (cervical cancer)
พบมากในสตรีทั่วโลก มากกว่า 600,000 รายต่อปี และร้อยละ50 เสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก สำหรับ
ประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560-2564 พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยอยู่ที่ 6.69
เขตบริการสุขภาพที่ 11 อยู่ที่ 5.68 จังหวัดนครศรีธรรมราชอยู่ที่ 4.57 และอำเภอพรหมคีรีอยู่ที่ 5.26 (ข้อมูล
จากเว็บไซต์ข้อมูลสถิติสุขภาพ) สำหรับโรงพยาบาลพรหมคีรีได้ทำการส่งเสริมการตรวจมะเร็งปากมดลูกภายใน
5 ปี จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 1,200 คน ได้เข้ารับการตรวจจำนวน 360 คน คิดเป็นร้อยละ 30 โดย
กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้สตรีอายุ 30-60 ปี ที่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกร้อยละ 80 ซึ่งถือ
ว่าน้อยกว่าเกณฑ์เป้าหมาย จึงทำให้ผู้รับผิดชอบงานมะเร็งปากมดลูกโรงพยาบาลพรหมคีรี สนใจที่จะทำวิจัย
เรื่อง “การสร้างเสริมพลังอำนาจของครอบครัวที่มีผลต่อการตัดสินใจการตรวจมะเร็งปากมดลูกของสตรี ตำบล
พรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช” เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ถึงเกณฑ์ตามที่กระทรวง
สาธารณสุขกำหนด รวมทั้งเพื่อการลดอัตราการป่วยอัตราการตายและระยะลุกลามจากโรคมะเร็งปากมดลูกที่
ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสตรี ครอบครัว ชุมชน และภาวะสุขภาพและเศรษฐกิจระดับประเทศ
วัตถุประสงค์การศึกษา
เพื่อประเมินผลการสร้างเสริมพลังอำนาจของครอบครัวที่มีผลต่อการตัดสินใจการตรวจมะเร็ง
ปากมดลูกของสตรี ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช
วิธีการศึกษา
รูปแบบการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi-experimental design) ดำเนินการ
วัดผลก่อนและหลังการทดลอง (One group pre-test and post-test)กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้
ได้แก่ หญิงที่มีอายุ 30-60 ปีที่ไม่เคยตรวจมะเร็งปากมดลูกเขตพื้นที่ตำบลพรหมโลกจำนวน 6 หมู่บ้าน หมู่บ้าน
ละ 5 คน รวม 30 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling method) และ
กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจการตัดสินใจในครอบครัวจำนวน 15 คน อาสาสมัครครอบครัวจำนวน 6 หมู่บ้าน หมู่บ้าน
ละ 2 คน รวม 12 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ (Stratified random sampling
method) รวมกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยทั้งสิ้น 57 คน วิธีการเก็บข้อมูลดำเนินการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ใน
การวิจัยโดยใช้กรอบแนวคิดทฤษฏีการดูแลตนเองของโอเร็มและแนวคิดการเสริมสร้างพลังอำนาจของกิบสัน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แบบทดสอบความรู้ การสัมภาษณ์เชิงลึก แบบวัดทัศนคติที่มี ต่อการ
ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก แบบวัดการตัดสินใจการรับบริการการตรวจคัดกรอง มะเร็งปากมดลูกด้วยชุด
แบบฟอร์มและชุดอุปกรณ์การตรวจด้วยตนเอง HPV Self-Sampling แบบวัดความพึงพอใจก่อนและหลังเข้า
ร่วมโปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ด้วยเครื่องมือชุดเดียวกัน ระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน
ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ - เมษายน 2566 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบน