Page 177 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 177
E17
การพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายสำเร็จในชุมชน
กรณีศึกษา : บ้านนุโพ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
นายศราวุฒิ เรือนฝั้น
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านนุโพ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เขตสุขภาพที่ 2
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหา
การฆ่าตัวตายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชากรทั่วโลก
ศูนย์เฝ้าระวังการฆ่าตัวตาย โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ (2565) รายงานว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562
เป็นต้นมา อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จของประเทศไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและเกินกว่าค่าเป้าหมายของ
กรมสุขภาพจิต ระยะ 3 ปี (พ.ศ. 2563-2565) ซึ่งกำหนดอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จไม่เกิน 6.3 ต่อแสน
ประชากร ปี พ.ศ 2564 อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จเพิ่มสูงขึ้นเป็น 7.38 ต่อแสนประชากร จังหวัดที่มีอัตราการ
ฆ่าตัวตายสำเร็จสูงสุด 5 อันดับแรกของประเทศ คือ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา ตาก และเชียงราย
อัตรา 13.51, 13.27, 13.16, 12.49 และ 12.41 ต่อประชากรแสนคน ตามลำดับ
จากรายงานของสำนักงานสาธารณสุขอำเภออุ้มผาง (2565) พบว่า ปี พ.ศ. 2564 อำเภออุ้มผาง
มีอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ จำนวน 9 ราย อัตรา 6.9 ต่อประชากรแสนคน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 86.4
สาเหตุที่พบมากที่สุดคือ ติดสุรา/ยาเสพติด ร้อยละ 31.9 รองลงมาโรคจิตเภทร้อยละ 27.3 และทะเลาะกับ
คนใกล้ชิด ร้อยละ 18.2 วิธีการกระทำพบมากที่สุด คือ ผูกคอตาย ร้อยละ 86.5 และเป็นการกระทำครั้งแรก
ร้อยละ 100 และพบการฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ จำนวน 44 ราย อัตรา 8.2 ต่อประชากรแสนคน ส่วนใหญ่เป็น
เพศหญิงร้อยละ 63.6 จากการวิเคราะห์ชุมชนบ้านนุโพ พบว่า ปี พ.ศ. 2561 - 2565 บ้านนุโพมีผู้พยายาม
ฆ่าตัวตาย ทั้งสิ้น 8 ราย เป็นสัญชาติไทย 2 ราย ต่างชาติ 6 ราย ผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ จำนวน 4 ราย ซึ่งทุกราย
เคยได้รับการคัดกรองโรคซึมเศร้ามาก่อนและมีผลเป็นปกติ สาเหตุของการพยายามฆ่าตัวตายที่พบมากที่สุดคือ
ผู้ติดสุรา/ยาเสพติด รองลงมาคือ ผู้ป่วยโรคจิตเภทและมีปัญหาครอบครัวตามลำดับ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิด
ปัญหาการฆ่าตัวตาย คือ ติดสุรา/ยาเสพติด ผู้พิการ ผู้สูงอายุ มีความวิตกกังวล มีปัญหาครอบครัว บุคลากร
สาธารณสุขมีภาระงานมากทำให้การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตน้อย องค์กรในชุมชนมีส่วนร่วมในการ
ดำเนินงานน้อย
การพัฒนางานด้านสาธารณสุขจำเป็นต้องมีการพัฒนางานวิจัยในการพัฒนาสุขภาพอนามัยของตนเอง
และชุมชนโดยใช้กระบวนการการมีส่วนร่วมของชุมชน คือ ร่วมประเมินปัญหา วางแผนแก้ปัญหา ดำเนินการ
แก้ไขปัญหา ติดตามประเมินผลการดำเนินการ และร่วมรับผิดชอบทำให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของ
มีความต่อเนื่องและยั่งยืน จากความสำคัญและรายงานการศึกษาวิจัยรวมทั้งการทบทวนวรรณกรรมผู้วิจัยจึง
มองเห็นถึงความสำคัญและดำเนินการวิจัยเรื่องการพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
การฆ่าตัวตายสำเร็จในชุมชนบ้านนุโพ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตากขึ้น
วัตถุประสงค์การศึกษา
1. เพื่อศึกษาสภาพการณ์ของชุมชนและปัญหาการฆ่าตัวตายในชุมชน
2. เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของชุมชนในการเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตาย
3. เพื่อพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาการฆ่าตัวตายในชุมชน