Page 178 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 178
E18
วิธีการศึกษา
การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research : PAR)
กระบวนการวิจัย โดยใช้รูปแบบเทคโนโลยีเพื่อการมีส่วนร่วม (TOP) ได้แก่ วิธีถกปัญหา (ORID) การประชุม
เชิงปฏิบัติการ (Workshop Method) และการวางแผนปฏิบัติการ (Action Planning Method) ร่วมกับ
ทฤษฎีการสร้างพลัง (Empowerment) ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้คือ ประชาชนในหมู่บ้านนุโพ หมู่ 4
ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก จำนวน 1,512 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
คือ กลุ่มผู้ร่วมวิจัย ได้แก่ ผู้นําชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเฝ้าระวังดูแลผู้มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงต่อ
การฆ่าตัวตายในชุมชน จำนวน 22 คน และกลุ่มผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าและกลุ่มเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย จำนวน 150 คน
เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ การสังเกต (Observation) การสัมภาษณ์เจาะลึก (In – depth
Interview) การสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) และการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร ตรวจสอบ
ความน่าเชื่อถือของข้อมูลโดยใช้วิธีตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า (Methodological Triangulation) ได้แก่
การตรวจสอบด้านข้อมูลและการตรวจสอบด้านผู้วิจัย วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการตีความและสรุป
ประเด็นเนื้อหา ส่วนข้อมูลเชิงปริมาณวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงพรรณนา ระยะเวลาในการวิจัยทั้งสิ้น 1 ปี ตั้งแต่
1 ตุลาคม 2565 ถึง 30 กันยายน 2566
ผลการศึกษา
บ้านนุโพ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก มีผู้พยายามฆ่าตัวตาย ทั้งสิ้น 8 ราย เป็นสัญชาติไทย
2 ราย ต่างชาติ 6 ราย ผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ จำนวน 4 ราย และทั้ง 4 รายเคยได้รับการคัดกรองโรคซึมเศร้ามา
ก่อนผลปกติ พบผู้พยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จ จำนวน 4 ราย สาเหตุของการพยายามฆ่าตัวตายที่พบมาก
ที่สุดคือ ผู้ติดสุรา/ยาเสพติด รองลงมาคือ ผู้ป่วยโรคจิตเภทและมีปัญหาครอบครัว ตามลำดับ จากการวิเคราะห์
ชุมชนพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดปัญหาซึมเศร้าและการฆ่าตัวตาย ติดสุรา/ยาเสพติด ผู้พิการ ผู้สูงอายุ
ครอบครัวแตกแยกขาดความอบอุ่น มีการจำหน่ายยาเสพติด มีการเล่นการพนัน ปัญหาลักขโมย การเข้าถึง
บริการด้านสุขภาพจิตน้อย องค์กรในชุมชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานน้อย
ชุมชนมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติตามคำแนะนําของบุคลากรสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว
มีระบบการคัดกรองโรคซึมเศร้าด้วย 2 คําถาม โดย อสม. แต่มักไม่ได้คำตอบที่แท้จริงจากคำกล่าวของสมาชิก
อสม. ที่ว่า “เวลาถามทีไรคำตอบที่ได้ก็ ต้าหล่อปว้าปลื้อ (ถามบ้าอะไร) หรือ ตีบู้ดิบ้า (ยังไม่อยากตายหรอก)”
แกนนําครอบครัว กลุ่มเสี่ยงและญาติให้ความสำคัญน้อย ขาดความตระหนักในปัญหาคิดว่าเป็นเวรกรรมและ
เชื่อว่าผีบรรพบุรุษมาเอาไป ชุมชนไม่มีการดำเนินงานอย่างเป็นรูปแบบและขาดความต่อเนื่องมีส่วนร่วมในการ
เฝ้าระวังน้อย จากคำกล่าวของผู้นำชุมชน “ไม่มีใครสนใจและให้ความสำคัญกับพวกหมู่นี้หรอก มันอยากตายก็
ให้มันตายไป” “เขาคิดว่ามันไม่ร้ายแรง จึงไม่คอยสนใจพวกซึมเศร้าและฆ่าตัวตาย” “ทุกคนไม่ค่อยมีเวลามา
สนใจดูแลคนอื่นหรอก เขามีงานที่ต้องทำ”
การสร้างและพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและดูแลผู้มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงต่อการฆ่า
ตัวตาย ประกอบด้วย กิจกรรมคิดและวิเคราะห์แบบมีส่วนร่วมโดยการจัดประชุมแกนนําชุมชน กิจกรรมจัดเวที
ประชุมกลุ่มผู้นําชุมชน กิจกรรมการวางแผนปฏิบัติการ 5 แผนปฏิบัติการ 11 กิจกรรมคือ 1) การเฝ้าระวัง
ผู้มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายโดยชุมชนมีส่วนร่วม 2) การดูแลช่วยเหลือผู้มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยง
ต่อการฆ่าตัวตายโดยชุมชนมีส่วนร่วม 3) การดูแลเรื่องการกินยาและการส่งต่อ 4) การสร้างเครือข่ายดูแล
ช่วยเหลือ 5) การดูแลและพัฒนาจิตโดยชุมชนมีส่วนร่วม กิจกรรมการประเมินผลแบบมีส่วนร่วม กิจกรรม
ประชุมสรุปผลและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อถอดบทเรียน การวิจัยนี้ได้พัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการการเฝ้า
ระวังและดูแลผู้มีภาวะซึมเศร้าและเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายที่เหมาะสม คือรูปแบบ 3 ช่วงวัย 4 เสาหลักพิทักษ์จิต