Page 411 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 411
K44
การพัฒนารูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของกลุ่มเสี่ยง
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงด้วยแนวคิดการจัดการตนเอง
อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช
นางเกสราวรรณ ประดับพจน์ และนางปวริศา สังข์วระ
โรงพยาบาลพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เขตสุขภาพที่ 11
ประเภท ผลงานวิชาการ
ความสำคัญของปัญหาการวิจัย
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases;
NCDs) เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญและเป็นภัยเงียบต่อชีวิตมนุษย์ ส่งผลกระทบต่อภาวะสุขภาพ
และการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลก (Yildiz, Esenboga, & Oktay, 2020) ข้อมูลจากการรายงานของ
องค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่ามีการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 71
ของสา เหตุการเสียชีวิตทั้งหมดของประชากรโลก ซึ่งสถานการณ์ในประเทศไทยพบอัตราการเสียชีวิต
อันมีสาเหตุจากโรค NCDs ที่สำคัญมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประชากรไทย (Khan, Hashim, King,
Govender, Mustafa and Kaabi, 2020) ระหว่างปีพ.ศ. 2563-2565 พบว่าอัตราการเสียชีวิตจาก
โรคเบาหวานเพิ่มขึ้นจาก 23.36 เป็น 30.55 โรคความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นจาก 27.50 เป็น 32.80 (กรมควบคุม
โรค,2566) จากรายงานข้อมูลของงานควบคุมโรคไม่ติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช
ย้อนหลัง 3 ปี (พ.ศ. 2563-2565) พบว่าประชากรกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ติดอันดับ 1
ใน 5 ของจังหวัดนครศรีธรรมราช
โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมวิถีการดำเนิน
ชีวิตให้ถูกต้อง และเหมาะสมได้ด้วยตนเอง โดยการใช้ความรู้และความเข้าใจที่มากพอ มีเจตคติที่ดี และมุ่งมั่นสู่
การปฏิบัติตนที่ถูกต้องต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองทั้งด้านการรับประทานอาหาร ด้านการออกกำลัง
กาย ด้านการพักผ่อน และด้านการบริหารจัดการความเครียด (World Health Organization, 2021)
แนวคิดการจัดการตนเอง (Self-management concept) ของ แคนเฟอร์ และกาลิค-บายส์ (Kanfer,
Gaelick- Buys, 1991) เป็นแนวคิดที่ได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง โดยมีความเชื่อ
ว่าไม่มีบุคคลใดสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนอื่นได้นอกจากตัวของบุคคลนั้น 4 องค์ประกอบ
1) การตั้งเป้าหมาย (Goal setting) 2) การกำกับตนเอง (Self - monitoring) 3) การประมาณตนเอง
(Self - evaluation) 4) การเสริมแรงตนเอง (Self-reinforcement) ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่
จะต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้กับกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานและ
โรคความดันโลหิตสูง เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวในการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องหมาะสม รวมทั้งสามารถ
พัฒนาทักษะการกำกับตนเอง และดูแลตนเอง เพื่อให้มีพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย
และการจัดการความ เครียดที่เหมาะสม ผู้วิจัยจึงต้องการที่จะพัฒนารูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
ของกลุ่มเสี่ยง โรค เบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อช่วยให้
สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพได้อย่างต่อเนื่อง มีการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งผู้วิจัย
คาดว่าสามารถลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูงของอำเภอพรหมคีรีลงได้อย่างมี
ประสิทธิภาพต่อไป