Page 613 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 613
P44
ผลการศึกษา จากที่ได้มีการพัฒนา ปรับเปลี่ยน และเพิ่มกระบวนการดูแลผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดกระดูกสัน
หลังด้วยท่าคว่ำ เพื่อลดการเกิดแผลกดทับ พบว่า
สรุปผลการพัฒนาแผนการดูแล
จำนวนผู้ป่วย ผู้ป่วยที่ไม่ % ที่เกิด PI ระดับ 2
ระยะพัฒนา PI ระดับ 1 PI ระดับ 2
ทั้งหมด(ราย) เกิดรอย ในแต่ละปี
ก่อนพัฒนา 34 3 26 5 15%
ม.ค.-ธ.ค.2564
พัฒนาระยะที่ 1
ม.ค.-ธ.ค.2565 47 5 38 4 9%
พัฒนาระยะที่ 2
(4เดือน)
ม.ค.-เม.ย.2566
พัฒนาระยะที่ 3 64 8 52 4 6%
(8เดือน)
พ.ค.-ธ.ค.2566
หมายเหตุ : PI คือ Pressure Injury แผลกดทับ
PI ระดับ 1 คือ ผิวหนังสมบูรณ์ มีรอยแดง ใช้มือกดแล้วไม่จางหายไม่มีแผล ไม่มีตุ่มน้ำ
PI ระดับ 2 คือ ชั้นหนังแท้ถูกทำลาย มีสีชมพู แผลเปิด มีตุ่มน้ำหรือน้ำเหลืองอยู่ภายใน
อภิปรายผล จากตาราง แสดงให้เห็นว่า การเพิ่มแนวปฏิบัติการพยาบาลด้วยความใส่ใจ บนพื้นฐานของความรู้
อย่างมืออาชีพ และให้การดูแลตั้งแต่ ระยะก่อนผ่าตัด ระหว่างผ่าตัด และหลังผ่าตัด รวมทั้งมีการประสานงาน
การดูแลในทีมสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย การเพิ่ม
ความตระหนักในการดูแลผู้ป่วยผ่าตัดด้วยท่าคว่ำ สามารถทำให้การเกิดแผลกดทับในผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด
กระดูกสันหลังด้วยท่าคว่ำลดลงอย่างชัดเจน
สรุปและข้อเสนอแนะ การเกิดแผลกดทับในระหว่างผ่าตัดเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการเกิด
ให้ผลเป็น 0 ( Zero event ) ได้ เนื่องจากการเกิดแผลกดทับ มีสาเหตุจากปัจจัยจากภายในและภายนอกตัว
ผู้ป่วย อีกทั้งการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้ป่วยในการเตรียมตัวก่อนผ่าตัด เช่น การรับประทานอาหารให้ครบ
5 หมู่ การดูแลผิวหนังให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพื่อให้ผิวหนังแข็งแรง พร้อมทั้งประสานทีมศัลยแพทย์ในการอธิบาย
ความเสี่ยงที่อาจเกิดแผลกดทับขึ้นได้ จากการจัดท่าผ่าตัด เพื่อให้ผู้ป่วยรับทราบ และเตรียมใจ ส่งผลให้ลด
อัตราการฟ้องร้องที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการตระหนักถึงกระบวนการการจัดท่าผ่าตัดที่ถูกต้องของทีมผ่าตัด
จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผลลัพธ์ของการเกิดแผลกดทับ สามารถสะท้อนถึงคุณภาพของทีมบุคลากรที่มีระบบการ
ดูแลผู้ป่วยด้วยมิติจิตวิญญาณ ( Spiritual Healthcare in Action , SHA ) มากน้อยเพียงใดได้