Page 645 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 645
Q31
2.3 มีระบบ fast track ผู้ป่วย Severe Sepsis เข้ารักษาใน ICU ได้ทันทีภายใน 3 ชั่วโมงและมี
แนวทางประสาน consult การรักษากับอายุรแพทย์ในการย้ายผู้ป่วยดูแลที่ ICU
2.4 ปรับปรุงระบบการรายงานผลตรวจเพาะเชื้อเบื้องต้นโดยเป็นระบบ sepsis lab alert รายงานผล
ที่รวดเร็วขึ้น เพิ่มระบบการตรวจวินิจฉัยในการส่งLab Lactate ให้วินิจฉัยโรคได้รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
2.5 เพิ่มกระบวนการประเมินความเพียงพอของสารน้ำที่ผู้ป่วยต้องได้รับในแต่ละราย โดยการตรวจ
Ultrasound IVC เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและลดภาวะแทรกซ้อน
2.6 พัฒนาทักษะบุคลากรในการดูแลผู้ป่วย Sepsis อบรบภายนอกและภายในโรงพยาบาลจัดอบรม
มีระบบ Training ทั้งบุคลากรใหม่และบุคลากรที่มีส่วนขาดควบคุม ติดตาม และประเมิน Competency
โดยหัวหน้าหอผู้ป่วยทุกๆ 6 เดือน มีการทำ Quick nursing rounds ในการดูแลผู้ป่วย Sepsis ขณะรับเวร
เช้าทุกวัน มีการทำ Nursing round ในผู้ป่วย Sepsis ทุกรายที่เข้ารับการรักษาในICU
2.7 ทบทวนกรณีศึกษาการดูแลผู้ป่วย Sepsis/ Septic shock ร่วมทบทวน Death case กับ
ทีมสหวิชาชีพ ทีม PCT ทีม RM ทีม NUR ทุกรายมีการตามรอยโรคโดย Nurse case manager sepsis
ทุก 3 เดือน สรุปผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และประเมินผลการใช้แนวทางดูแลผู้ป่วย ทุก 6 เดือน
3.ผลลัพธ์การดูแลผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด (Sepsis) โรงพยาบาลโกสุมพิสัย
เรื่อง/ตัวชี้วัด/กิจกรรมดำเนินการ เป้าหมาย 2565 2566 2567
อัตราการได้รับ Antibiotic ภายใน 1 ชั่วโมง (นับจากเวลาได้รับการ 100% 100 100 100
วินิจฉัย)
อัตราการเจาะ Hemoculture ก่อนให้ Antibiotic 100% 100 100 100
อัตราการได้รับ IV 30 ml/kg ) ใน 1 ชั่วโมงแรก (ในกรณีไม่มีข้อห้าม) 100% 100 100 100
อัตราการทบทวนผู้ป่วยที่เสียชีวิตและผู้ป่วยที่ได้รับการส่งต่อ 100% 100 100 100
เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่องมือประเมินผู้ป่วย Sepsis (S-new Score)ได้ 100% 95 95 100
อย่างถูกต้อง
ผู้ป่วยพ้น Shock ใน 24 ชม. ≥ 80 % 85 90 90
อัตราตายในผู้ป่วย Sepsis ลดลง ≥ 0 % 5 1.8 1.8
อภิปรายผล
อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด หลังจากการพัฒนา ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัย
ได้รวดเร็ว ให้การรักษาทันเวลา ทำให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วย Sepsis มีแนวโน้มลดลงในปี 2567 และจาก
การทบทวนพบว่าสาเหตุการตายของผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวมากกว่า 2 โรค ญาติปฏิเสธ
การส่งต่อต้องการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคองและต้องการเสียชีวิตที่ รพ. อัตราความเพียงพอของการให้
สารน้ำ ในปี 2564 และ ปี 2567 อัตราการให้ IV ในผู้ป่วยไม่ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากพบว่าผู้ป่วยบางรายมี
ข้อจำกัดรวมถึงโรคประจำตัวที่ต้องเฝ้าระวังในการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เช่น CKD , IHD , CHF ทำให้ไม่
สามารถได้ตามแนวทาง จึงได้มีการเพิ่มการ U/S IVC เพื่อประเมินความเพียงพอในการให้สารน้ำทางหลอด
เลือดดำ และจากการศีกษาพบว่า เจ้าหน้าที่ยังขาดความแม่นยำในการใช้เครื่องมือประเมินผู้ป่วย Sepsis