Page 664 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 664
R3
ปัจจุบันการระงับความรู้สึกแบบ regional nerve block ได้รับการพัฒนาเป็นอย่างมากมีการนำ
ultrasound มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดยาระงับความรู้สึกในการผ่าตัดกระดูกส้นเท้าหักแบบ MIS
สามารถระงับความรู้สึกด้วยการทำ popliteal nerve block ได้และยังช่วยลดอาการปวดหลังผ่าตัดได้อีกด้วย
โดยพบว่าอาการปวดก่อนกลับและเมื่อกลับบ้านไปแล้วอยู่ในระดับที่ต่ำอย่างไรก็ตาม การระงับปวดจะใช้
หลักการmultimodal analgesia โดยการให้ยาแก้ปวด Acetaminophen, NSAIDs หรือ Tramadol กลับไป
รับประทานร่วมด้วย ระยะเวลาการผ่าตัดที่เหมาะสมกับการผ่าตัดแบบ ODS ไม่ควรเกิน 60 นาที งานวิจัยนี้
แสดงถึงกระบวนการผ่าตัดแบบ MIS สามารถทำได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม
การติดตามหลังผ่าตัดเป็นส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการรักษา จากการประเมินพบว่า
ผู้ป่วยพึงพอใจในระบบบริการผ่าตัดแบบ ODS เป็นอย่างมาก มีผู้ป่วย 1 ราย แสดงความเห็นว่าบ้านอยู่ไกลทำ
ให้ไม่สะดวกในการเดินทางมาติดตามการรักษาที่โรงพยาบาล ทำให้มีการพัฒนาการติดตามการรักษา
แบบ telemedicine เพื่อช่วยลดปัญหาในการเดินทางของผู้ป่วย คุณภาพในการรักษาผู้ป่วยกระดูกส้นเท้าหัก
สามารถประเมินได้จาก Bohler’s angle หลังผ่าตัดโดยผลการวิจัยนี้พบว่า Bohler’s angle หลังการผ่าตัดอยู่
ในช่วงค่าปกติ (25-40องศา) ในส่วนชองภาวะแทรกซ้อนนั้นจากงานวิจัยการผ่าตัดกระดูกส้นเท้าหักที่ผ่านมา
พบว่าการบาดเจ็บของ sural nerve พบได้ร้อยละ 7.7 ในงานวิจัยนี้พบการบาดเจ็บชั่วคราว ร้อยละ 4.3 และ
chronic regional pain syndrome พบได้ร้อยละ 3 – 15 ในงานวิจัยนี้ พบร้อยละ 4.3 แสดงถึงความ
ปลอดภัยของการผ่าตัดแบบ ODS ในกระดูกส้นเท้าหัก
งานวิจัยนี้ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากเป็นการวิจัยแบบย้อนหลังทำให้อาจเกิดอคติในการเลือกผู้ป่วย
และการเก็บข้อมูล จำนวนผู้ป่วยยังมีน้อยเกินไปยังทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน ยังขาดการเปรียบเทียบระหว่าง
กลุ่มที่ได้รับการรักษาแบบนอนโรงพยาบาลและยังไม่ได้แสดงถึงผลลัพธ์ด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่
เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม
สรุปและข้อเสนอแนะ
การเลือกผู้ป่วยอย่างเหมาะสม การทำงานแบบสหสาขาวิชาชีพมีกระบวนการดูแลในระยะก่อนผ่าตัด
ขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัดที่ดีจะทำให้การผ่าตัดแบบวันเดียวกลับในผู้ป่วยกระดูกส้นเท้าหักมีความปลอดภัย
ให้ประสิทธิภาพการรักษาที่ดีและมีความพึงพอใจในการรับบริการสูง และยังสามารถพัฒนาต่อเนื่องกับการ
ติดตามการรักษาแบบ telemedicine เพื่อลดภาระในการเดินทางของผู้ป่วยได้อีกด้วย