Page 699 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 699
S22
ผู้ป่วยที่มีการใช้กัญชาทางการแพทย์น้อยกว่า 3 เดือน และผู้ป่วยที่ไม่มีผลค่าการทำงานของตับและไต
หลังการได้รับกัญชาทางการแพทย์
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบบันทึกรวบรวมข้อมูล(ประกอบไปด้วยข้อมูลทั่วไป และข้อมูลทาง
ห้องปฏิบัติการค่าการทำงานของตับ-ไต) และเครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัย คือ ตำรับยากัญชาทางการแพทย์
แผนไทย 5 ตำรับ(ยาแก้ลมแก้เส้น, ยาทำลายพระสุเมรุ, ยากัญชาขมิ้นทอง, น้ำมันกัญชาอ.เดชา, และยาศุขไสยาศน์)
สถิติและการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติพรรณนา(จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบน
มาตรฐาน) และสถิติอนุมาน(Paired t-test)
ผลการศึกษา
ผลการสืบค้นจากเวชระเบียบย้อนหลัง ผู้เข้ารับบริการที่ได้รับยากัญชาทางการแพทย์แผนไทย
ในระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม 2563 – 30 กันยายน 2565 มีทั้งหมด 216 คน มีการคัดตามเกณฑ์คัดออก
ทั้งหมด 136 คน(ผู้ป่วยที่มีการใช้กัญชาทางการแพทย์น้อยกว่า 3 เดือน จำนวน 101 คน และไม่มีผล
การทำงานของค่าตับ-ไตหลังการใช้ยากัญชาทางการแพทย์แผนไทย จำนวน 34 คน) สรุปมีผู้ได้รับการคัดเลือก
เข้าศึกษาตามเกณฑ์ทั้งหมด 80 คน
ข้อมูลทั่วไปพบว่า ผู้รับบริการที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 52, ค่าเฉลี่ยอายุเท่ากับ
58.4 ± 1.39 ปี, ผู้รับบริการที่ศึกษาส่วนใหญ่ไม่สูบบุหรี่ ร้อยละ 95, ผู้รับบริการที่ศึกษาไม่มีโรคประจำตัว
ร้อยละ 58, ตำรับยากัญชาทางการแพทย์แผนไทยที่มีการจ่ายให้ผู้มารับบริการมีทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่
ยาศุขไสยาศน์ ร้อยละ 46, น้ำมันกัญชา อ.เดชา ร้อยละ 29, ยากัญชาขมิ้นทอง ร้อยละ 11, ยาแก้ลมแก้เส้น
ร้อยละ 8 และยาทำลายพระสุเมรุ ร้อยละ 6
กราฟแสดงการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยผลทางห้องปฏิบัติการค่าการทำงานของไต(GFR, BUN,
Creatinine) ก่อน-หลังการใช้ยากัญชาทางการแพทย์แผนไทย พบว่ายากัญชาทางการแพทย์แผนไทยทั้ง 5
ตำรับไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (P>0.05)