Page 278 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 278
F36
การใช้กล่องกันชักจึงมีสรรถนะและทักษะเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ โดยพบว่า กลุ่มประชากรมีสมรรถนะ
เกี่ยวกับการดูแลผู้คลอดที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษสูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งโดยมีค่าเฉลี่ยคะแนน (M=19.00,
SD= 1.85) สูงกว่า ก่อนเข้าร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (M= 18.12, SD= 3.38) อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
(t= -1.105, p < .05) กลุ่มประชากรมีทักษะเกี่ยวกับการดูแลผู้คลอดที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษ สูงกว่าก่อนเข้า
ร่วมกิจกรรม ซึ่งโดยมีค่าเฉลี่ยคะแนน (M= 30.50, SD= 3.38) สูงกว่า ก่อนเข้าร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้
(M= 28.87, SD= 4.12) อย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (t= -1.105 p > .05) สอดคล้องกับผลการวิจัยที่พบว่า
การประเมินความสามารถของตนเองเมื่อเปรียบเทียบกับการประเมินโดยผู้อื่นแล้วไม่มีความแตกต่างกัน
(จิตติมา จันทเวช,2542; ปราณี สงวนซื่อ,2547; เยาวดี วิบูลย์ศรี,2546) และสอดคล้องกับ Taylor
(2000 cited in Marquis and Huston, 2006) กล่าวว่าผู้ร่วมงานเป็นเป็นผู้ปฏิบัติงานทางคลินิกร่วมกัน
จึงสามารถให้การประเมินเพื่อให้โอกาสผู้ได้รับการประเมินในการพัฒนาตนเองให้มากขึ้น
สรุปและข้อเสนอแนะ
สรุปหลังการใช้กล่องกันชัก(PIH BOX) พยาบาลมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้คลอดที่มีภาวะครรภ์เป็นพิษ
(= 5.62, SD= 0.52) สูงกว่าก่อนเข้าร่วม ( = 4.00, SD= 0.76) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t=-2.392, p<.05)
ส่วนสมรรถนะและทักษะก่อนและหลังใช่กล่องกันชัก (PIH BOX) ไม่แตกต่างกัน
ข้อเสนอแนะควรขยายระยะเวลาการศึกษาที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการสมรรถนะและทักษะ
ของพยาบาลวิชาชีพ เพื่อการเปรียบเทียบผลการศึกษาได้ชัดเจนมากขึ้น