Page 274 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 274
F32
ได้รับการดูแลอย่างมีระสิทธิภาพตามมาตรฐานบริการฝากครรภ์คุณภาพ เพื่อให้เกิดความครอบคลุม
และเกิดประโยชน์สูงสุดกับหญิงตั้งครรภ์กว่ารูปแบบเดิมที่เน้นการให้บริการเชิงรับในสถานบริการเป็นส่วนใหญ่
วัตถุประสงค์การศึกษา
เพื่อพัฒนาและประเมินระบบการค้นหาและติดตามหญิงตั้งครรภ์เชิงรุกการเพิ่มอัตราการฝากครรภ์
ก่อน 12 สัปดาห์ของตำบลธงธานี
วิธีการศึกษา
กลุ่มเป้าหมายเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลธวัชบุรี ที่อาศัยในตำบลธงธานี
ตั้งแต่เดือนสิงหาคม-เดือนธันวาคม ปี 2566 จำนวน 18 คน เก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้ แบบสอบถามและข้อมูล
จากระบบ Health Data Center (HDC) แบบสอบถามความพึงพอใจและวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา
จากการนำนวัตกรรมมาปรับรูปแบบพัฒนาระบบการค้นหาและติดตามหญิงตั้งครรภ์เชิงรุกพบว่า
กิจกรรมมีเหมาะสมกับพื้นที่ได้รับความร่วมมือของผู้ที่มีความเกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์รายใหม่
มีอัตราการฝากครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์ ในปี 2566 มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.82 จากเดิมร้อยละ 23.08 ซึ่งคิดเป็น
ร้อยละ 61.90 และหญิงตั้งครรภ์มีความพึงพอใจปานกลาง และทีมสหวิชาชีพอยู่ในระดับมีความพึงพอใจมากที่สุด
อภิปรายผล
จากการพัฒนาระบบการค้นหาและติดตามหญิงตั้งครรภ์เชิงรุกเพื่อเพิ่มอัตราการฝากครรภ์ก่อน 12 สัปดาห์
ของตำบลธงธานี โดยมีการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ในระบบโดยมี 7 กิจกรรม ได้แก่ 1.Volunteer โดยแต่งตั้ง
อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านค้นหาและติดตามหญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่รับผิดชอบ 2. Award เป็นการเสริมพลัง
โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1) ด้านหญิงตั้งครรภ์ คือ Gift Set ฝากครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ และ Gift set
เตรียมคลอดในรายที่ฝากครรภ์ครบคุณภาพ 2) ด้านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านคือถุงผ้าจิตอาสา
3. Line จัดตั้งกลุ่มไลน์อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเพื่อติดตามและประสานงาน 4.Clinic ประชาสัมพันธ์
คลินิกฝากครรภ์โรงพยาบาลธวัชบุรี และจัดบริการแบบ one stop service 5.Health Literacy ให้ความรู้
หญิงตั้งครรภ์มีความรอบรู้ด้านสุขภาพเพิ่มมาก 6.Love จัดตั้งกลุ่มไลน์คลินิกฝากครรภ์เพื่อให้คำแนะนำ
การดูแลสุขภาพและติดตามการฝากครรภ์ตลอดจนการคลอด และ 7.Report มีผู้รับผิดชอบข้อมูลและติดตาม
รายงานการฝากครรภ์คุณภาพต่อเนื่อง หลังการพัฒนาระบบพบว่าตั้งครรภ์รายใหม่มีอัตราการฝากครรภ์
ก่อน 12 สัปดาห์ ในปี พ.ศ. 2566 เพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 38.82 จากเดิมร้อยละ 23.08 เป็นร้อยละ 61.90 และ
หญิงตั้งครรภ์มีความพึงพอใจปานกลาง และทีมสหวิชาชีพอยู่ในระดับมีความพึงพอใจมากที่สุด
สรุปและข้อเสนอแนะ
สามารถนำไปประยุกต์ใช้โดยการปรับกิจกรรมให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่ค้นหาและติดตามผลการดำเนินงาน
อย่างต่อเนื่องเพื่อนำปัญหาที่พบมาแก้ไขและพัฒนาระบบต่อไป