Page 281 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 281
F39
สาระการเรียนรู้ตามช่วงอายุครรภ์ มีการพัฒนาองค์ความรู้และทักษะการสอนแก่เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการในคลินิก
ฝากครรภ์
อภิปรายผล
การศึกษาในครั้งนี้ได้เรียนรู้กระบวนการทำงานแบบมีส่วนร่วม ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้มีบทบาทและ
มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การศึกษาสถานการณ์ การวิเคราะห์ปัญหาร่วมกัน เช่นเดียวกับการศึกษา
ของวัชรี เรือนคง ที่ศึกษาผลของการพัฒนารูปแบบการป้องกันและเฝ้าระวังการคลอดก่อนกำหนด โดยใช้
พลังขับเคลื่อนเครือข่าย เป็นการดึงศักยภาพต้นทุนทางสังคมเข้ามามีส่วนร่วม ทำให้เครือข่ายเกิดการรับรู้
และตระหนักถึงอันตรายและความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด กระบวนการเยี่ยมบ้าน ส่งผลให้เกิด
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านความรู้ เกิดความตระหนักและมีการดูแลตนเองได้ดีขึ้น
สรุปและข้อเสนอแนะ
จากการศึกษาในครั้งนี้ ได้สถานการณ์การดูแลตนเองของหญิงตั้งครรภ์ในการป้องกันการคลอดก่อน
กำหนดยังไม่ถูกต้อง ครอบครัวและชุมชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในการให้คำแนะนำและการดูแล
หญิงตั้งครรภ์ ชุมชนและภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมในการดูแลหญิงตั้งครรภ์น้อย เจ้าหน้าที่ให้บริการไม่มีหลักสูตร
การสอนโรงเรียนพ่อแม่ที่เฉพาะการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ไม่มีสัญญาณเตือนอันตราย
การเฝ้าระวัง การคลอดก่อนกำหนด จึงมีการพัฒนาระบบการให้บริการดูแลหญิงตั้งครรภ์ในสถานบริการ
และในชุมชน มีระบบเฝ้าระวังอาการเตือนคลอดก่อนกำหนดล่วงหน้า เกิดการพัฒนาความรู้และส่งเสริม
การมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชน จัดให้มีระบบการค้นหาหญิงตั้งครรภ์และเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างชุมชน
และสถานบริการ จะสามารถลดภาวะคลอดก่อนกำหนดได้
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะเพื่อการนำผลการวิจัยไป 1) ควรมีการทบทวนทำความเข้าใจในแนวทางการให้บริการ
ดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่พัฒนาขึ้นแก่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 2) ประสานผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านให้มีการดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่ที่กำหนด 3) จัดทำระเบียบ
ปฏิบัติการดูแลหญิงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดที่เป็นลายลักษณ์อักษรและมอบให้แก่หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง
2. ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 1) ควรมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้
มีการนำรูปแบบไปใช้อย่างต่อเนื่อง 2) ควรมีการศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อนำมาพัฒนาแนวทางการ
ให้บริการดูแลหญิงตั้งครรภ์เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนดต่อไป 3) ควรมีการนำรูปแบบที่พัฒนาขึ้น
ไปขยายทดลองใช้ในพื้นที่อื่น เพื่อประเมินประสิทธิผลของรูปแบบและการมีส่วนร่วมของเครือข่าย