Page 172 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 172
คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease
หรือ COPD) เป็นกลุ่มของโรคปอดอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุ
ของการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ลักษณะสำคัญของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
คือ หลอดลม เนื้อปอด และหลอดเลือดปอดเกิดการอักเสบเสียหายเนื่องจาก
ได้รับแก๊สหรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเป็นเวลานาน ส่งผลให้หลอดลม
ค่อยๆ ตีบแคบลงหรือถูกอุดกั้นโดยไม่อาจฟื้นคืนสู่สภาพปกติได้อีก
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
สาเหตุสำคัญของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ได้แก่
การสูบบุหรี่ เป็นปัจจัยที่ชัดเจนว่าทำให้เกิดโรคปอดอุดกั้น
เรื้อรัง ดังนั้น ผู้ที่สูบบุหรี่ติดต่อกันเป็นเวลานานจึงมีโอกาสเป็นโรคนี้
ได้มากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ ขณะเดียวกันผู้ที่ได้รับควันบุหรี่แม้จะไม่ได้สูบ
ก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน
มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ควันพิษ รวมถึงการหายใจเอาสารเคมีบางอย่างเข้าไปในปอดติดต่อกัน
เป็นเวลานาน รวมถึงการเผาไหม้เชื้อเพลิงในการประกอบอาหารและขับเคลื่อนเครื่องจักร
โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคพร่องสาร alpha-๑-antitrypsin (AAT) ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ผลิตในตับแล้วหลั่งเข้าสู่
กระแสเลือดเพื่อป้องกันไม่ให้ปอดถูกทำลายจากสารต่างๆ
สำหรับปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ได้แก่ การสูบบุหรี่ทั้งที่เป็นโรคหืด และอายุ โดยเฉพาะ
ผู้ที่มีอายุ ๔๐ ปีขึ้นไป เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่มีการดำเนินโรคอย่างช้าๆ ดังนั้น กว่าที่จะตรวจพบโรค ผู้ป่วยก็มักเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว
อาการของโรค
ในระยะเริ่มแรก ผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการปรากฏ จนกระทั่งปอด
ถูกทำลายมากขึ้น จะเริ่มมีอาการ
ไอเรื้อรัง มีเสมหะมากโดยเฉพาะในช่วงเช้าหลังตื่นนอน
หายใจมีเสียงดังหวีด (Wheezing) หายใจลำบาก
รู้สึกเหนื่อยหอบ เป็นมากขึ้นเมื่อออกแรง เมื่อได้พักก็จะดีขึ้น
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
การวินิจฉัย
แพทยวินิจฉัยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังได้โดยการซักประวัติครอบครัว รูปแบบการใช้ชีวิต สอบถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย
ร่วมกับการตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องปฏิบัติการอื่นๆ ได้แก่
การตรวจสมรรถภาพปอดด้วยวิธี Spirometry ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจวัดปริมาตรของอากาศรวมถึง
ประสิทธิภาพของปอดในการลำเลียงออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือด
การตรวจภาพรังสีทรวงอก หรือเอกซเรย์ปอด เพื่อแยกโรคที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และวินิจฉัยภาวะแทรกซ้อนอื่น
ที่อาจเกิดร่วมด้วย เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว
การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) อาจตรวจในผู้ป่วยบางรายเพื่อดูการกระจายตัวของโรคถุงลมโป่งพอง
ประกอบการพิจารณาผ่าตัดรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งปอด
การตรวจวิเคราะห์แก๊สในเลือดแดง (Arterial Blood Gas) เป็นอีกวิธีหนึ่งในการตรวจวัดการทำงานของปอด โดยดูจาก
ระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด
๙๖