Page 173 - แนวทางการพัฒนาการจัดระบบบริการสุขภาพ
P. 173
คู่มือแนวทางการอบรมหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.)
การตรวจอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์สาเหตุของอาการบางอย่าง เช่น การตรวจคัดกรองภาวะพร่อง
สาร alpha-๑-antitrypsin (AAT) และการตรวจเสมหะเพื่อวินิจฉัยการติดเชื้อ
การรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
แม้ว่าโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถชะลอการดำเนินโรค โดยวิธีที่จะช่วย
ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้มีดังนี้
เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่เป็นสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอันดับแรกของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง การเลิกบุหรี่
จะช่วยไม่ให้อาการของผู้ป่วยแย่ลงและทำให้หายใจได้ดีขึ้น
หลีกเลี่ยงมลพิษในอากาศและการอยู่ในสถานที่ที่มีละอองสารเคมี หากจำเป็นควรสวมอุปกรณ์ป้องกันระบบ
ทางเดินหายใจ เช่น หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองและสารเคมี
การรักษาด้วยยา เป็นการรักษาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาอาการ ลดการกำเริบ และเพิ่มคุณภาพชีวิต ซึ่งการเลือก
ใช้ยาจะเป็นไปตามอาการและระดับความรุนแรงของโรค สำหรับกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ได้แก่
ยาขยายหลอดลม มีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจ ช่วยลดอาการไอ หายใจติดขัด ผู้ป่วยจึง
หายใจได้สะดวกขึ้น
ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดสูด ใช้ร่วมกับยาขยายหลอดลมในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เพื่อลดการกำเริบ
ของโรคซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้เป็นรายๆ ไป
ยาปฏิชีวนะ ให้ในกรณีที่มีการติดเชื้อ หรือการกำเริบเฉียบพลัน*
การรักษาอื่นๆ เช่น การบำบัดด้วยออกซิเจนระยะยาว การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อลดโอกาสเจ็บป่วยรุนแรง การฟื้นฟู
สมรรถภาพปอดด้วยกายภาพบำบัด การดูแลภาวะโภชนาการ และการดูแลสภาพอารมณ์และจิตใจ
การผ่าตัด ในกรณีที่การรักษาด้วยยาและวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดเอาถุงลมขนาดใหญ่ที่กดเนื้อปอด
ข้างเคียงออก ผ่าตัดเพื่อลดปริมาตรปอด เพื่อใส่อุปกรณ์ในหลอดลม หรือเพื่อปลูกถ่ายปอดหากมีผู้บริจาคอวัยวะ
การป้องกัน
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังป้องกันได้ด้วยการไม่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ที่สูบบุหรี่ ป้องกันตัวเองจากมลพิษในอากาศ
และละอองสารเคมี และการตรวจสุขภาพปอดอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
๑๐ กลวิธี เลิกบุหรี่ในพระสงฆ์
๑. เปิดใจให้โอกาสกับพระสงฆ์ที่ติดบุหรี่ ตักเตือนด้วยความเมตตา ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจต่อเนื่อง
๒. ทบทวนเป้าหมายของการบวชอย่างจริงจัง และตั้งเป้าหมายของการเลิกบุหรี่
๓. สร้างสภาพแวดล้อมให้เกิดแรงจูงใจเลิกบุหรี่ จัดทำเชิงสัญลักษณ์เพื่อเตือนสติ และทำข้อตกลงร่วมกัน
๔. หาข้อมูลใหม่ๆ พร้อมพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงพิษภัยบุหรี่อยู่เสมอๆ พร้อมเชื่อมโยงให้เห็นถึงพระธรรมวินัยของพระสงฆ์
๕. ใช้มติสงฆ์เพื่อให้ท่านตระหนักถึงผลกระทบต่อพระสงฆ์โดยรวม และเป็นผู้นำด้านสุขภาพแก่ชาวบ้าน
๖. สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมระหว่างวัดและชาวบ้านทำให้วัดปลอดบุหรี่ ไม่จำหน่าย ไม่ถวายบุหรี่แก่พระสงฆ์
๗. ประยุกต์ใช้พิธีกรรมทางศาสนาให้มีเนื้อหาของการลด ละ เลิก การสูบบุหรี่ และยกย่องพระสงฆ์ที่เลิกได้
๘. เอื้อให้เกิดการการพูดคุยระหว่างพระสงฆ์ที่ติดบุหรี่ และพระสงฆ์ที่ไม่ติดบุหรี่ โดยพบปะอย่างน้อยเดือนละครั้ง
เพื่อให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลง
๙. หลีกเลี่ยงการอยู่เพียงลำพัง เมื่อรู้สึกอยากสูบบุหรี่ ควรหาเพื่อนภิกษุด้วยกันพูดคุย หรือทำกิจกรรมที่เหมาะสม
กับกิจของสงฆ์
๑๐. พระชั้นปกครองควรออกประกาศเป็นนโยบายสำคัญของคณะสงฆ์ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด
๙๗