Page 89 - ระบบรับส่งต่อผู้ป่วย
P. 89

ตำรำงที่ 4 เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจของพยาบาลก่อนและหลังใช้แนวทางปฏิบัติ
                                รูปแบบใหม่ โดยใช้ Paired t-test

                  ความพึงพอใจ                             คะแนนเฉลี่ย       ส่วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน          t              P

                  ก่อนใช้แนวทางปฏิบัติรูปแบบใหม่      2.27                              0.23                -11.58      0.00
                  หลังใช้แนวทางปฏิบัติรูปแบบใหม่      4.31                               0.53


                  สรุปและข้อเสนอแนะ
                                 ั
                         1. การพฒนาแนวปฏิบัติทางการพยาบาลเฝ้าระวังอาการส าคัญที่น าไปสู่ภาวะคุกคามชีวิต
                                                                       ั
                  ของผู้บาดเจ็บรุนแรงเกิดแนวทางปฏิบัติรูปแบบใหม่ เป็นการพฒนาอย่างมีกลยุทธ์และสอดคล้องกับบริบท
                  และสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และแก้ไขประเด็นต่างๆที่เคยถูกมองข้ามไป
                  หรือคาดคิดไม่ถึงว่าจะมีผลต่อการให้การดูแลผู้บาดเจ็บรุนแรงในแต่ละราย  โดยน าประเด็นปัญหาในการ

                                                                ั
                  ปฏิบัติงานและการทบทวนวรรณกรรมมาออกแบบพฒนาแนวทางปฏิบัติรูปแบบใหม่ จนเกิดการจัดการ
                  กระบวนปฏิบัติการพยาบาล ตั้งแต่การเข้าถึงบริการ ระยะเวลาการบริการพยาบาล การติดตามเฝ้าระวังอาการ
                  ส าคัญทุกระบบอย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการดูแลผู้ป่วย เพอการสะท้อนผลการปฏิบัติงานที่เป็นวงจร
                                                                        ื่
                                      ั
                  ต่อเนื่องเพอให้เกิดการพฒนาการก าหนดรูปแบบและมอบหมายงานโดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน ตั้งแต่การเข้าถึง
                           ื่
                  ห้องฉุกเฉินจนถึงระยะเวลาผู้บาดเจ็บออกจากห้องฉุกเฉิน โดยผู้วิจัยได้สร้างแนวทางการเฝ้าระวังรูปแบบใหม่
                  ขึ้น ส่งผลให้บุคลากรในทีมการพยาบาลรู้บทบาทหน้าที่ มองเห็นสมรรถนะของตนเองในทีมในการด าเนิน
                  กิจกรรมต่าง ๆ ท าให้เกิดความรวดเร็ว และความต่อเนื่องในการรักษา เกิดผลลัพธ์บรรลุตามเป้าหมาย

                        2. ผลการใช้แนวปฏิบัติทางการพยาบาลเฝ้าระวังอาการส าคัญที่น าไปสู่ภาวะคุกคามชีวิตรูปแบบใหม่
                             2.1 หลังน าแนวทางปฏิบัติรูปแบบใหม่ไปใช้  พบว่ามีการเฝ้าระวังอาการและอาการแสดงอย่าง
                  ต่อเนื่องเพมมากขึ้น อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ โดยมีการเฝ้าระวังรายด้านดังนี้ คือ ปริมาณการสูญเสียเลือด
                           ิ่
                  (Blood Loss/ Estimate Blood Loss),  ชีพจร / นาที, ความดันโลหิต Systolic mmHg, Pulse Pressure

                  mmHg,  การหายใจ /นาที,  ผิวหนัง,  Capillary  Refill, ระดับสติ,  ปัสสาวะ ml/นาที, ระดับความรุนแรง
                  ของการสูญเสียเลือด เพราะแนวทางปฏิบัติรูปแบบใหม่ สามารถน ามาใช้ได้ตามแผนการพยาบาลที่ก าหนด
                  มีความครอบคลุมประเด็นส าคัญของการให้บริการดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะคุกคามชีวิต อภิปรายได้ว่า
                  การวิเคราะห์และการบันทึกอย่างเป็นระบบ โดยใช้ความรู้ความเข้าใจในงานการดูแลผู้ป่วยอบัติเหตุฉุกเฉิน
                                                                                                ุ
                  ตามแนวทางของราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย (RCST) ร่วมกับ American College of Surgeons
                  (ACS) ได้ด าเนินการวางแผนการรักษาผู้ป่วยให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเป็นมาตรฐานเดียวกันมากกว่า
                  50 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหลักฐานการดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการของ Advanced Trauma Life Support
                  (ATLS) system นั้นมีการประชุมและ Update version ทุกๆ 4 ปี โดยในต้นปี 2017 ได้มีการออก 10
                                                                                                           th
                  edition
                             2.2 ระยะเวลาการบริการที่ห้องฉุกเฉินกลุ่มที่ใช้แนวทางปฏิบัติเดิมกับกลุ่มที่ใช้แนวทางปฏิบัติ
                  รูปแบบใหม่ ผลการศึกษาพบว่า ระยะเวลาเฉลี่ยของระยะเวลาแรกรับถึงเวลาเริ่มมีการประเมินภาวะช็อค
                  ระยะเวลาเฉลี่ยที่แพทย์วินิจฉัยภาวะช็อค ระยะเวลาเฉลี่ยที่แพทย์ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง พบว่า มีความ

                  แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ในส่วนของระยะเวลาเฉลี่ยที่รายงานแพทย์ และระยะเวลาเฉลี่ยที่ผู้ป่วย
                  อยู่ภายในห้องฉุกเฉิน ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ โดยค่าเฉลี่ยของระยะเวลาเฉลี่ยที่รายงาน
                  แพทย์ 2.93 นาทีและ 1.56 นาที และค่าเฉลี่ยเวลาที่ผู้ป่วยอยู่ภายในห้องฉุกเฉิน 91.66 นาที และ 74.06 นาที

                  พบว่าเวลาเฉลี่ยเร็วขึ้นกว่ากลุ่มที่ใช้แนวทางปฏิบัติเดิม ซึ่งสัมพนธ์กับการศึกษาพนอ เตชะอธิก, สุนทราพร
                                                                       ั
                  วันสุพงศ์, และสุมนา สัมฤทธิ์รินทร์ พัฒนาแนวทางการเฝ้าระวังอาการส าคัญที่น าไปสู่ ภาวะคุกคามชีวิต






                      ผลงานวิชาการ Smart Referral System for “One Province One ER” 2023                       85
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94