Page 327 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 327
I 11
การลงมือปฏิบัติการ การสังเกตผลการปฏิบัติ/ การประเมินผล และการสะท้อนกลับการปฏิบัติงาน 3.ระยะ
ประเมินผลการพัฒนา โดยการประเมินผลกระบวนการขั้นตอนการพัฒนา และประเมินผลการพัฒนา วิเคราะห์
ข้อมูลเชิงเนื้อหาและเชิงปริมาณโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป ใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) และ
สถิติเชิงอนุมาน Parametric Statistics Paired Sample t-test และ Nonparametric Statistics Wilcoxon
Sign Rang test นำเสนอข้อมูลในรูปตาราง และการบรรยาย
ผลการศึกษา
1. ระยะเตรียมการวิจัย พบว่ามีแหล่งประโยชน์และทรัพยากรในชุมชนอย่างเพียงพอ ผู้นำชุมชน
และอสม. มีความต้องการแก้ไขปัญหาโรคไตเรื้อรัง มีงบประมาณการสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ
เทศบาลเมืองน่าน หน่วยบริการ มีความพร้อมในการให้บริการผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง
2. ระยะดำเนินการวิจัย ขั้นวางแผน คืนข้อมูลปัญหาสุขภาพชุมชน จัดประชุมเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ระหว่างโรงพยาบาลและชุมชน สร้างรูปแบบบริการผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3-4 เพื่อชะลอการเสื่อมของไต
จัดทำ Flow chart care process ตามต้นแบบการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังภาคขยาย ขั้นลงมือปฏิบัติ ขั้นสังเกต
ผลการปฏิบัติ/ การประเมินผล จัดให้มีการแยกบริการเฉพาะผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3-4 สร้างความรอบรู้
ทางด้านสุขภาพ สร้างแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ เสริมสร้างพลังอำนาจและการจัดการ
ตนเอง ติดตามระหว่างนัดโดยใช้ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine/ Tele-nursing) ติดตามขาดนัด
และติดตามเยี่ยมบ้าน สนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วย ปฏิบัติตามข้อแนะนำเวชปฏิบัติ จัดระบบ
จัดเก็บข้อมูล บูรณาการร่วมกับโครงการที่มีอยู่ในชุมชน ได้แก่ โครงการลดเค็ม ลดโรค (โรคไต) โดยได้รับ
งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพ เทศบาลเมืองน่าน ขั้นสะท้อนกลับการปฏิบัติงาน
ทบทวนรูปแบบบริการ ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนารูปแบบบริการเป็นวงรอบที่ 2
3. ระยะประเมินผลการวิจัย พบว่ากลุ่มประชากรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย คิดเป็นร้อยละ 55
อยู่ในช่วงอายุ 70-79 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 60 มีอายุเฉลี่ยที่ 70 ปี มี BMI อยู่ในช่วง 25.0 – 29.9
เป็นโรคอ้วนหรือโรคอ้วนระดับที่ 2 มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 37.5 เป็นโรคความดันโลหิตสูงร่วมด้วยมากที่สุด
คิดเป็นร้อยละ 55 มีระยะเวลาการเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวานร่วมอยู่ในช่วง 6 ปี ขึ้นไปมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 90
มีระยะเวลาการเจ็บป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง > 10 ปี มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 64.10 มีพฤติกรรมสุขภาพ
ไม่ออกกำลังกายมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 22.5 ไม่สูบบุหรี่มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.5 เคยดื่มสุราแต่เลิกแล้วมากที่สุด
คิดเป็นร้อยละ 45 มีการใช้ยาได้ถูกต้องมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 65 กลุ่มประชากรส่วนใหญ่เป็นโรคไตเรื้อรัง
ระยะ 3a มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 45 หลังใช้รูปแบบบริการสามารถคงระยะเดิมที่ 3a มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 32.5
สามารถเปลี่ยนระยะของโรคดีขึ้นเป็นระยะ 2 คิดเป็นร้อยละ 7.5 จากระยะ 3b เป็นระยะที่ 2 คิดเป็นร้อยละ 2.5
จากระยะที่ 4 เป็นระยะ 3b คิดเป็นร้อยละ 10
ผลการเปรียบเทียบผลลัพธ์ทางคลินิกก่อนและหลังใช้รูปแบบบริการผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3-4
เพื่อชะลอการเสื่อมของไต พบว่าหลังใช้รูปแบบบริการ ค่าอัตราการกรองของไต eGFR ค่าระดับความดันโลหิต
Systolic ค่าระดับไขมันในเลือด LDL-cholesterol และคะแนน CVD risk score ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทาง
สถิติที่ระดับ .05
อภิปรายผลการวิจัย
การดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังภาคขยาย ทำให้เกิดรูปแบบบริการผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 3-4 เพื่อชะลอ
การเสื่อมของไต คลินิกรักษ์ไต ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง โรงพยาบาลน่านขึ้น การดูแลต่อเนื่อง เชื่อมโยงถึงชุมชน
การติดตามโดยระบบการแพทย์ทางไกลช่วยลดระยะเวลาในการรอคอย ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมา รพ.
ของผู้ป่วยและครอบครัว ช่วยพัฒนาศักยภาพของอสม.ด้านเทคโนโลยี ส่งผลให้ผู้ป่วย/ครอบครัวและชุมชนมี
ความตระหนักในเรื่องการจัดการดูแลตนเองเพื่อชะลอการเสื่อมของไต การปฏิบัติตามข้อแนะนำเวชปฏิบัติ