Page 422 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 422
K55
ผลการศึกษา
จากการประเมินผลของการใช้ Blood System Model สรุปได้ดังนี้
ตารางที่ 1 จำนวนและร้อยละของระดับความรู้เรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (N=30)
ระดับความรู้ ก่อนใช้นวัตกรรม หลังใช้นวัตกรรม
จำนวน (คน) ร้อยละ จำนวน (คน) ร้อยละ
ระดับสูง (14-20) 7 23.33 29 96.7
ระดับปานกลาง (10-13) 9 30.0 1 3.3
ระดับต่ำ (0-9) 14 46.66 0 0.0
จากตารางที่ 1 จะเห็นได้ว่า ระดับความรู้ของกลุ่มตัวอย่าง หลังใช้นวัตกรรม กลุ่มตัวอย่างมีคะแนนอยู่
ในระดับสูงสุด เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 23.33 เป็นร้อยละ 96.7
ตารางที่ 2 : แสดงข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเป้าหมาย (N = 30 คน)
ระดับพฤติกรรมสุขภาพ ก่อนใช้นวัตกรรม หลังใช้นวัตกรรม
3อ. 2ส. จำนวน (คน) ร้อยละ จำนวน (คน) ร้อยละ
ดีมาก - - 9 30.00
ดี 3 10.00 15 50.00
ปานกลาง 6 20.00 6 20.00
ไม่ดี (ควรปรับปรุง) 21 70.00 - -
จากตารางที่ 2 จะเห็นได้ว่า หลังใช้นวัตกรรม กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับดีและดีมาก
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 80
จากการประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและญาติ ต่อการใช้ Blood System
Model พบว่า ร้อยละ 98.16 พึงพอใจระดับมาก ผู้ป่วยและญาติพูดว่าดูแล้วเข้าใจง่ายเห็นระบบ
การไหลเวียนเลือดชัดขึ้น
อภิปรายผล สรุปและข้อเสนอแนะ
ผลการพัฒนาการให้สุขศึกษาแก่ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังโดยใช้สื่อประกอบการสอน คือ
Blood System Model ถือว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ เนื่องจากเป็น Medel ที่สามารถสื่อให้เห็นถึง
ระบบไหลเวียนของเลือด ที่มีผลต่อภาวะสุขภาพ ผู้ป่วยจะเห็นภาพชัดเจนว่าหากเส้นเลือดอุดตัน ตีบ หรือแตก
เลือดจะไหลเวียนอย่างไร และส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร ทำให้ผู้ป่วยตระหนักในการดูแลสุขภาพ
ตัวเองมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในการให้ความรู้ในโรงพยาบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ และในชุมชนได้
อย่างไรก็ตามควรพัฒนานวัตกรรม โดยปรับขนาดให้เล็กลง สามารถพกพาได้สะดวก และควรเผยแพร่เพิ่มเติม
ในช่องทางต่างๆ เช่น Tiktok หรือเพจโรงพยาบาล