Page 455 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 455
L32
ผลการศึกษา
จากผลการวิจัยครั้งนี้พบว่าคุณลักษณะทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างพบว่ากลุ่มอายุส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ
ระหว่าง 20–25 ปี ร้อยละ 43.3 การประเมินการให้นมลูกด้วยคะแนนการเข้าเต้า (LATCH score) ข้อมูลการ
ประเมินทั้งหมดจะเห็นว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีคะแนนการเข้าเต้า (LATCH score) 10 คะแนน จำนวน 16 ราย
คิดเป็นร้อยละ 53.3 ซึ่งสอดคล้องกับบทความของภาวิน พัวพรพงษ์ (2562) สำหรับประสิทธิภาพของเกณฑ์นี้
มีการศึกษาถึงคะแนนการเข้าเต้ามีความสัมพันธ์กับระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ 6 สัปดาห์และใช้ติดตาม
ช่วยเหลือมารดาที่หยุดนมแม่ในระยะแรกจากการเจ็บเต้านมและมีการประเมินความสัมพันธ์ในการให้คะแนน
การเข้าเต้าของบุคลากรทางการแพทย์กับมารดาพบว่ามีค่าสัมประสิทธิ์ความสัมพันธ์ตั้งแต่ 0.18 ในการประเมิน
การได้ยินเสียงทารกกลืนน้ำนมถึง 0.67 ในการประเมินการเข้าเต้าหรือการอมหัวนมและลานนมหลังการวิจัย
การนวดเต้านม 3 ท่าร่วมกับการประคบสมุนไพรในหญิงหลังคลอดอาการคัดตึงเต้านมมีค่าเฉลี่ยลดลงอย่าง
มีนัยสำคัญทางสถิติ และมีระดับความเจ็บปวดหลังการนวดเต้านมมีค่าเฉลี่ยลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
คะแนนการไหลของน้ำนมหลังการนวดเต้านมมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งสอดคล้องกับ
งานวิจัยของประมินทร์ อนุกูลประเสริฐ (2550) ศึกษาการเปรียบเทียบผลของการนวดเต้านมเพียงอย่างเดียวกับ
การนวดเต้านมร่วมกับประคบเต้านมด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นในการกระตุ้นการหลั่งน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร
พบว่ากลุ่มที่ 1 จำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่คลอดบุตรมีน้ำนมหลั่งใน6 ชม. หลังคลอดคิดเป็น61.9% และมีปริมาณ
น้ำนมเพียงพอภายใน 48 ชม. หลังคลอดคิดเป็น 75% กลุ่มที่ 2 จำนวนหญิงตั้งครรภที่คลอดบุตรมีน้ำนมหลั่ง
ใน 6 ชม. หลังคลอดคิดเป็น97.1%และมีปริมาณน้ำนมเพียงพอภายใน 48 ชม.หลังคลอดคิดเป็น98.8% พบว่า
ทั้งสองกลุ่มมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p< 0.001) จากผลการวิจัยทำให้ทราบว่าการนวดเต้านม
3 ท่าร่วมกับการประคบสมุนไพรในหญิงหลังคลอดทำให้อาการคัดตึงเต้านมลดลง ช่วยเพิ่มปริมาณการไหล
ของน้ำนม และช่วยลดระดับความรุนแรงของอาการปวดตึงเต้านมได้ ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและลดภาวะแทรกซ้อน
ของผู้ป่วยได้จริงซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัยในครั้งนี้ จึงเห็นสมควรที่จะได้รับการสนับสนุนการนวดเต้านม
ร่วมกับการประคบสมุนไพรในหญิงหลังคลอดได้เป็นอย่างดี
อภิปรายผล
ระดับอาการคัดตึงเต้านม โดยใช้เครื่องมือแบบวัด Six-Point Breast Engorgement Scale กลุ่ม
ตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยระดับอาการคัดตึงเต้านมลดลงที่ระดับ 4.3 และ 2.6 ตามลำดับคะแนนการไหลของน้ำนม
โดยใช้เครื่องมือแบบประเมินการไหลของน้ำนม กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยระดับการไหลของน้ำนมเพิ่มขึ้นที่ระดับ
2.4 และ4.2 ตามลำดับระดับความเจ็บปวด เป็นแบบวัดระดับความเจ็บปวด Numerical rating scale (NRS)
เป็นการใช้ตัวเลขมาช่วยบอกระดับความรุนแรงของอาการปวด กลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยระดับความเจ็บปวดลดลง
ระดับ 4 และ 2.27 ตามลำดับการประเมินการให้นมลูกด้วยคะแนนการเข้าเต้า (LATCH score) โดยกลุ่มตัวอย่าง
ทั้งหมดมีคะแนนอยู่ที่ 8 - 10 คะแนน ข้อมูลจากการประเมินทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลจากมารดาและทารก
การแปลผลหากคะแนนการประเมินในทารกอายุ 16-24 ชั่วโมงมากกว่า 8 คะแนน แสดงว่ามีความสำเร็จ
ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใน 6 สัปดาห์หลังคลอดสูง
สรุปและข้อเสนอแนะ
การศึกษาครั้งนี้ยังไม่เป็นรูปแบบการทดลองโดยสมบูรณ์ เพราะยังขาดกลุ่มเปรียบเทียบ และการคัดเลือก
กลุ่มตัวอย่างยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็พอเป็นแนวทางเพื่อการศึกษาและพัฒนาต่อไปในอนาคตควรศึกษาในหญิงหลังคลอด
ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดอาการคัดตึงเต้านม เช่น กลุ่มมารดาที่คลอดบุตรก่อนกำหนด และสามารถนำข้อมูล
การวิจัยครั้งนี้ ไปพัฒนางานให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์สู่ความสำเร็จในการดูแลหญิงหลังคลอด