Page 620 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 620

Q6

                  ท่อช่วยหายใจ และจำนวนวันหย่าเครื่องช่วยหายใจ ระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง กำหนดระดับความ

                  เชื่อมั่นในการทดสอบทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05 ผลการศึกษา พบว่า ด้านผู้ป่วย กลุ่มทดลองเกิด UE น้อย
                  กว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p <.05 (p =.03) ด้านบุคลากร พยาบาลมีคะแนนความรู้เพิ่มขึ้น

                  อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ p <.05 (z =-2.33, p =.02) ความพึงพอใจของพยาบาลต่อการใช้แนวปฏิบัติการ

                  พยาบาลฯ อยู่ในระดับมากสูงที่สุด คิดเป็นร้อยละ 100 ด้านองค์กร กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง มีจำนวนวัน
                  ใส่ท่อช่วยหายใจและมีจำนวนวันหย่าเครื่องช่วยหายใจไม่แตกต่างกัน ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ p <.05 (z

                  =-.005, p =.99; z =-1.04, p =.29) อภิปรายผล กลุ่มทดลองเกิด UE น้อยกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญ

                  ทางสถิติที่ p <.05 (p =.03) สอดคล้องกับหลายงานวิจัยที่พบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลตามแนวปฏิบัติการ
                  พยาบาลฯ ที่พัฒนาจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ช่วยลดอุบัติการณ์ UE ได้จริง แต่ในระยะแรกพยาบาลผู้ใช้

                  แนวปฏิบัติส่วนมาก ไม่สามารถปฏิบัติตามสาระสำคัญของแนวปฏิบัติได้ครบถ้วน ผู้วิจัยมีการนิเทศ กำกับ
                  ติดตาม และมอบหมายให้หัวหน้าทีมการพยาบาลช่วยดูแล ติดตามให้มีการปฏิบัติอยู่เสมอ ส่วนค่าเฉลี่ยคะแนน

                  ความรู้ของพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกัน UE พบว่า พยาบาลมีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยเพื่อป้องกัน UE

                  เพิ่มขึ้น ความพึงพอใจของพยาบาลต่อการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลฯ อยู่ในระดับมาก ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่า
                  แนวปฏิบัติการพยาบาลฯ พยาบาลผู้ใช้เกิดความพึงพอใจและสามารถนำมาใช้ในทางปฏิบัติการพยาบาลได้จริง

                  ไม่เพิ่มภาระงาน เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วย สำหรับจำนวนวันใส่ท่อช่วยหายใจ และจำนวนวันหย่าเครื่องช่วยใจ
                  ทั้ง 2 กลุ่มไม่แตกต่างกัน เนื่องจากกลุ่มตัวอย่างสูงอายุสมรรถภาพการทำงานของปอดลดลง โรคที่เจ็บป่วย

                  เป็นโรคที่มีพยาธิสภาพที่ปอดโดยตรง ส่งผลต่อการฟื้นหาย

                  สรุปและข้อเสนอแนะ การพัฒนาและการทดสอบประสิทธิผลของแนวปฏิบัติการพยาบาลฯ สามารถทำให้

                  เกิดผลลัพธ์ที่ดีคือ ด้านผู้ป่วย เกิด UE น้อยลง ด้านบุคลากร พยาบาลมีความรู้เพิ่มขึ้น และมีความพึงพอใจต่อ

                  แนวปฏิบัติการพยาบาลฯ ระดับมาก พยาบาลผู้ใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลฯ มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้
                  อัตราเกิด UE ลดลงได้ การสร้างความตระหนัก ให้ความรู้แก่บุคลากร วิธีการปฏิบัติ ร่วมกับการนิเทศ กำกับ

                  ติดตาม ส่งเสริมให้ใช้แนวปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จนเกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วย ดังนั้น ควรมีการให้

                  ความรู้และฝึกทักษะทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถนำแนวปฏิบัติการพยาบาลฯ
                  ไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และควรศึกษาต่อเนื่องในกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ร่วมกับประสานความร่วมมือ

                  ระหว่างทีมสหสาขาวิชาชีพ ให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตามมาตรฐาน เพิ่มคุณภาพการพยาบาล
   615   616   617   618   619   620   621   622   623   624   625