Page 68 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 68

A29



                  แต่ยังขาดแนวทางการค้นหา ประเมินรวมถึงเฝ้าระวังการดูแลผู้ป่วยในระยะวิกฤติ และภาวะที่รับรู้ว่าอาการ
                  ที่เป็นอันตราย ผู้วิจัยจึงได้ทบทวนเวชระเบียนย้อนหลังเพื่อค้นหาความเสี่ยงที่เกิดขึ้นและขยายผลไปสู่การดูแล
                  ผู้ป่วยที่เป็นระบบ

                  วัตถุประสงค์การศึกษา
                         เพื่อศึกษาผลของผลการใช้  Modified Early Warning Scores  plus  Electrocardiogram (MEWS +

                  EKG ) ในการค้นหาและจัดการในระยะฉุกเฉินของผู้ป่วย ACS โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย
                  วิธีการศึกษา

                         การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนาเพื่อศึกษาผลของของการใช้ระบบสัญญาณเตือน ในการพยาบาล
                  ผู้ป่วยแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินและนิติเวช โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย เป็นการศึกษาย้อนหลัง (Retrospective
                  study) จากข้อมูลสัญญาณชีพที่เป็นของผู้ป่วย โดยการนำเอาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วย ทางการแพทย์และบันทึก

                  ทางการพยาบาลที่สำคัญ  รวมทั้งการประเมินภาวะสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อวิเคราะห์การใช้ระบบสัญญาณเตือน
                  (Modified Early Warning Score plus  Electrocardiogram; MEWS+ EKG ) การประเมินและการดูแล
                  ผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤติ ในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 30 กันยายน 2566  โดยใช้รูปแบบการวิจัยแบบ
                  พรรณนาการพัฒนางานตามวงจรปรับปรุงคุณภาพของเดมมิ่ง (Deming Cycle) หรือ PDCA Cycle วิเคราะห์

                  ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) การแจกแจงความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ย ค่าต่ำสุด-สูงสุด
                  ผู้ป่วยในแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินและนิติเวช มารักษาด้วยเรื่องของ ACS ในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 –
                  30 กันยายน 2566  คัดเลือกลุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง ACS  50 ราย เครื่องมือที่ใช้ คือ แนวทางการ
                  ประเมินสัญญาณเตือนการเข้าสู่ภาวะวิกฤต เพิ่ม ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ( MEWS + EKG )

                  ผลการศึกษา

                         พบว่าตั้งแต่ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 – 30 กันยายน 2566 มีผู้ป่วยที่ได้รับการคัดกรองเข้ากลุ่ม
                  ว่าเป็น กลุ่มผู้ป่วย ACS 50 ราย โดยพบว่าประชากรส่วนใหญ่เป็นเพศชาย 32 ราย (ร้อยละ 64 ) เพศหญิง
                  18 ราย (ร้อยละ 36)

                         ผู้ป่วยร้อยละ 28 (14 ราย จัดอยู่ในกลุ่ม STEMI) มีค่า MEWS > 8 คะแนน ได้รับยา SK และส่งต่อ
                  เพื่อทำ PCI ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ จำนวน 10 ราย และอีก 3 ราย ส่งต่อเพื่อทำ  PCI ที่โรงพยาบาลศูนย์
                  สรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และเสียชีวิตระหว่างการรักษาในระยะฉุกเฉิน 1 ราย และพบว่าในกลุ่ม
                  ผู้ป่วยดังกล่าว มีการคัดกรอง เข้าถึงการตรวจวินิจฉัย การได้รับยา รวมถึงการส่งต่อ ล่าช้ากว่าเกณฑ์ที่กำหนด
                  ถึงร้อยละ 21 ( 3 ราย จาก 14 ราย )

                         ผู้ป่วยร้อยละ 40 (20 ราย จัดอยู่ในกลุ่ม NSTEMI)  MEWS > 6 คะแนน ได้รับการรักษาที่ ER จนพ้น
                  ภาวะวิกฤติและได้รับการรักษาที่หอผู้ป่วยวิกฤติ 5 ราย และหอผู้ป่วยสามัญ 15 ราย
                         ผู้ป่วยร้อยละ 12  ( 6 ราย Unstable angina)  มีค่าMEWS 3-5 คะแนน ได้รับการรักษาที่ตึกผู้ป่วย

                  สามัญจนสิ้นสุดการรักษาไม่พบภาวะแทรกซ้อนขณะ admit
                         ผู้ป่วยร้อยละ 20 (10 คน) มีค่าMEWS 0-2 Record vital signs สังเกต รักษาตามอาการ ตามปกติ

                  อภิปรายผล
                         จากผลการศึกษาครั้งนี้สรุปได้ว่าการใช้แนวทางการประเมินสัญญาณเตือนการเข้าสู่ภาวะวิกฤต
                  (MEWS+EKG) ในการค้นหาและจัดการกับภาวะฉุกเฉินของผู้ป่วย ACS โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย ในช่วง

                  1 ตุลาคม 2565 – 30 กันยายน 2566 สามารถช่วยให้มีการค้นหาจัดการกับภาวะฉุกเฉินของผู้ป่วย ACS
                  รวมถึงการประเมินและเฝ้าระวังอาการการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่ง ผลให้ได้รับการ
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73