Page 740 - Best practice_Oral2024 (อัพเดต)
P. 740
T27
ผลการศึกษา
จากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างผู้ป่วยระยะสุดท้ายเป็นเพศหญิง ร้อยละ 46.70 เพศชาย ร้อยละ
53.31 มีอายุเฉลี่ย 67.46 (SD=15.76) BMI เฉลี่ย 21.60 (SD=4.37) กลุ่มโรคของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ได้แก่
โรคมะเร็ง ร้อยละ 56.66 และระบบทางเดินหายใจ ร้อยละ 43.33 ดังตารางที่ 1
ตารางที่ 1. ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง ผู้ป่วยระยะสุดท้าย (N=30)
ข้อมูลทั่วไป ค่าเฉลี่ย (ร้อยละ /SD)
เพศ หญิง 46.70
ชาย 53.31
อายุ 67.46 (SD=15.76)
BMI 21.60 (SD=4.37)
กลุ่มโรค มะเร็ง 56.66
Respiratory failure 43.33
ตารางที่ 3. ผลระดับเฉลี่ยการประเมิน PPS , ESAS ของผู้ป่วยระยะสุดท้ายหลังได้รับการดูแลตามแนวทาง
การพัฒนาของการดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคอง เพื่อเข้าสู่ภาวะ good death (n = 30)
การเปรียบเทียบ (Mean) n=30
ก่อน SD หลัง SD
ค่าเฉลี่ย PPS 34.66 19.42 0.00 0.00
ค่าเฉลี่ย Pain 9.30 0.74 0.00 0.00
ค่าเฉลี่ย dyspnea 9.33 0.71 0.00 0.00
อภิปรายผล
จากการศึกษาผลของการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคองโดยการมีส่วนร่วมของภาคี
เครือข่ายระดับ คปสอ.ลำปลายมาศ โดยมีแนวทางการให้การดูแลตามแนวทาง Advance care plane การให้
การประเมินการดูแลผู้ป่วยตามแบบประเมิน PPS และ การประเมิน ESAS จากผลการศึกษาพบว่าผลของ
ระดับความพึงพอใจต่อแนวทางการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคองง พบว่า ญาติหรือผู้ดูแล
ผู้ป่วยระยะประคับคอง มีระดับความพึงพอใจในการเข้าถึงการบริการระดับพึงพอใจมาก และการแสดงความ
คิดเห็นของเจ้าหน้าที่ พบว่าเจ้าหน้าที่มีความคิดเห็นด้วยในระดับเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ ผู้ป่วยระยะ
ประคับประคองได้รับการดูแลจนเข้าสู่ภาวะ good death คิดเป็นร้อยละ 100 สอดคล้องกับการศึกษาของ
ชลลดา ทิพยจันทร์ ( 2566) ได้ศึกษาการพัฒนารูปแบบการปรับตัวของญาติที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่เจ็บป่วย
ด้วยโรคเรื้อรังตึกผู้ป่วยในชายโรงพยาบาลเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด พบว่า การเสริมสร้างพลังอำนาจแก่ญาติ
ที่ดูแล ดังนี้ 1) ส่งเสริมให้ญาติที่ดูแลสำรวจค้นพบปัญหาด้วยตัวเอง 2) ส่งเสริมให้ญาติที่ดูแลมีการสะท้อนคิด
อย่างมีวิจารณญาณเป็นการพยายามทบทวนเหตุการณ์และสถานการณ์อย่างรอบคอบเพื่อทำความเข้าใจ 3) ส่งเสริม
ให้ญาติที่ดูแลมีการตัดสินใจเลือกแนวทางปฏิบัติด้วยตนเอง 4) ส่งเสริมให้ญาติผู้ดูแลมีการคงไว้ซึ่งการปฏิบัติที่ดี
เพื่อให้ครอบครัวสามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตนมาใช้ในการดูแลและสร้างเสริมสุขภาพของสมาชิกได้อย่าง
ต่อเนื่องและยั่งยืน การศึกษาของทัศนีย์ เทศประสิทธิ์และคณะ (2554) การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ศึกษาสถานการณ์การจัดระบบการดูแลแบบประคับประคอง เพื่อพัฒนาระบบการดูแลแบบประคับประคองใน
ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ในโรงพยาบาลอุดรธานี และเพื่อศึกษาผลลัพธ์การ พัฒนาระบบการดูแลแบบ