Page 250 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 250
F8
ผลของการพัฒนา “Raman Labour Safety Model”ต่อการเกิดภาวะคลอดติดไหล่
และภาวะไหล่หักในทารกแรกเกิด
นางสาวรานีย์ ยุมิง
โรงพยาบาลรามัน จังหวัดยะลา เขตสุขภาพที่ 12
ประเภท วิชาการ
ความสำคัญของปัญหาวิจัย
ภาวะคลอดติดไหล่ (Shoulder dystocia) คือ ภาวะที่ศีรษะของทารกคลอดแล้วแต่ไหล่ยังไม่คลอด
ไม่ว่าจะเป็นไหล่หน้า ไหล่หลังหรือทั้ง 2 ข้าง นานมากกว่า 60 วินาที จำเป็นต้องใช้กระบวนการช่วยคลอดไหล่
หรือหัตถการอื่นๆเพื่อช่วยคลอดไหล่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรมที่มีความสำคัญสำหรับผู้ทำคลอด
ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือพยาบาล จากการศึกษาทั่วโลก พบว่า ในปี 1964-2015 มีอุบัติการณ์การคลอดติดไหล่
ประมาณร้อยละ 0.6-1.4 (Chauhan SP,2015) ส่วนในประเทศไทยพบประมาณร้อยละ 1.2-1.8 ของการคลอด
ทางช่องคลอดทั้งหมด (ศิริกนก, 2556) และพบว่าอุบัติการณ์การเกิดภาวะคลอดไหล่หักทั่วโลกอยู่ในช่วง
ประมาณร้อยละ 0.01-16 (Sokol RJ, 2014) ส่วนในประเทศไทยพบอยู่ในช่วง 0.16 – 18.42 ของการคลอด
ติดไหล่ทั้งหมด และจากการทบทวนข้อมูลตัวชี้วัดของหน่วยงานสูติกรรม โรงพยาบาลรามัน ตั้งแต่
ปีงบประมาณ 2558 – 2562 พบว่า เกิดอุบัติการณ์การคลอดติดไหล่ร้อยละ 7.19, 4.38. 6.12,7.38 และ 6.78
ต่อ 1000 การเกิดมีชีพ ตามลำดับ และเกิดอุบัติการณ์การคลอดไหล่หักจากการคลอดติดไหล่ร้อยละ 3.59,
3.62, 3.67, 2.46 และ 4.07 ตามลำดับ จึงได้วิเคราะห์หาสาเหตุและปัจจัยที่สัมพันธ์กับการคลอดติดไหล่
พบว่า เกิดจากแผนกฝากครรภ์ขาดการส่งต่อข้อมูลหญิงตั้งครรภ์กลุ่มเสี่ยงต่อการคลอดติดไหล่มาให้หน่วยงาน
สูติกรรม ร้อยละ 23.08 การคาดคะเนน้ำหนักทารกคลาดเคลื่อนจากการวัดเทปหน้าท้อง ร้อยละ 23.08
จากการ Ultrasound คลาดเคลื่อนมากกว่า 500 กรัม คิดเป็นร้อยละ 30.77 เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ข้อมูลการคะเนน้ำหนัก
ของทารกในครรภ์ตั้งแต่ระยะฝากครรภ์มาวางแผนการดูแลต่อ ร้อยละ 15.38 และเจ้าหน้าที่ขาดทักษะ
และความพร้อมของทีมในการช่วยคลอดติดไหล่คิดเป็นร้อยละ 7.69
จากสาเหตุและปัจจัยดังกล่าว จะเห็นได้ว่าอาจป้องกันการเกิดภาวะคลอดติดไหล่ได้ หากมีการประเมิน
และวางแผนการดูแลที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ทั้งต่อมารดาและทารก
ในมารดา เช่น ภาวะมดลูกแตก มดลูกหดรัดตัวไม่ดี ภาวะตกเลือดหลังคลอด ช่องทางคลอดฉีกขาด และทารก
เช่น ทารกขาดออกซิเจน เสียชีวิต ไหล่หัก และแขนพิการ (Erb’s palsy) เป็นต้น
ดังนั้นการป้องกันภาวะทารกคลอดติดไหล่ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หน่วยงานสูติกรรม โรงพยาบาลรามัน
จึงได้มีการนำข้อมูลมาประชุมปรึกษาร่วมกับทีมการดูแลรักษาด้านคลินิก เพื่อพัฒนาแนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์
ตั้งแต่ระยะฝากครรภ์ ระยะรอคลอด ระยะคลอด และการดูแลกรณีเกิดภาวะไหล่หักหลังคลอด ทั้งนี้เพื่อป้องกัน
อันตรายที่อาจขึ้นได้ต่อมารดาและทารก และป้องกันความเสี่ยงฟ้องร้อง ซึ่งนำมาสู่ความเสื่อมเสียชื่อเสียง
ของโรงพยาบาล
วัตถุประสงค์การศึกษา
1. เพื่อศึกษาสถานการณ์คลอดติดไหล่ และการคลอดไหล่หักในทารกแรกเกิด
2. เพื่อสร้างและพัฒนา“Raman Labour Safety Model” เพื่อป้องกันภาวะคลอดติดไหล่ และการคลอด
ไหล่หักในทารกแรกเกิด