Page 255 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 255

F13


                                                กลุ่มควบคุม    กลุ่มทดลอง     df      t      p-value
                                                M (SD)         M (SD)
                   พฤติกรรมของผู้ดูแลเด็ก

                   ก่อนได้รับโปรแกรมการชี้แนะ   2.66 (.158)    2.70 (.159)    58      -.76    .452
                   หลังได้รับโปรแกรมการชี้แนะ   2.82 (.125)    2.91 (.060)    58      -5.87  < .001
                         ภายหลังได้รับโปรแกรมการชี้แนะ ผู้ดูแลเด็กโรคหืดที่ได้รับโปรแกรมมีคะแนนเฉลี่ยความรู้
                  และพฤติกรรมการดูแลสูงกว่าก่อนการได้รับโปรแกรมการชี้แนะอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ

                  .05 (t29 = 11.73, p < .001) และ .05 (t21 = 9.08, p < .001) ตามลำดับ ดังแสดงในตารางที่ 2

                  ตารางที่ 2 เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรู้ และพฤติกรรมของผู้ดูแลเด็กวัยเรียนโรคหืดภายใน
                               กลุ่มทดลอง ระยะก่อนและหลังได้รับโปรแกรมการชี้แนะ (n = 30)
                   ความรู้ของผู้ดูแลเด็ก        M (SD)          d      SDd     df      t        p-value

                   ความรู้ของผู้ดูแลเด็ก
                   ก่อนได้รับโปรแกรมการชี้แนะ   2.67 (.14)      .28    .02     29      11.73    < .001
                   หลังได้รับโปรแกรมการชี้แนะ   2.95 (.06)

                   พฤติกรรมของผู้ดูแลเด็ก
                   ก่อนได้รับโปรแกรมการชี้แนะ   2.70 (.16)      .22       .02       29          9.08   < .001
                   หลังได้รับโปรแกรมการชี้แนะ   2.92 (.06)

                  อภิปรายผล
                         ผลการศึกษา ผู้ดูแลเด็กวัยเรียนโรคหืดทั้งภายในกลุ่มทดลอง และระหว่างกลุ่มควบคุมกับกลุ่มทดลอง พบว่า

                  กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ย ความรู้ และพฤติกรรมสูงกว่ากลุ่มควบคุม ทั้งนี้อภิปรายได้ว่า ผู้ดูแลเด็กกลุ่มทดลอง
                  มีความรู้ ความเข้าใจ และมีความสามารถในการดูแลเด็กโรคหืดเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
                  โดยมาจากการปฏิบัติกิจกรรมตามโปรแกรมการชี้แนะแบบบูรณาการของสหสาขาวิชาชีพ โดยใช้วิธีติดตาม
                  สุขภาพทางไกล ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น ตามแนวคิดของ Girvin (1999) ซึ่งผู้วิจัยมีการสร้างสัมพันธภาพ ตกลง วางแผน

                  ลงมือปฏิบัติ  และประเมินผลร่วมกัน ปัญหาที่พบ คือ ผู้ดูแลเด็กมีความรู้ แต่ขาดประสบการณ์ ขาดความมั่นใจ
                  บางครั้งฟังอธิบายแล้วลืม เมื่อกลับไปบ้านเกิดปัญหาไม่รู้จะปรึกษาใคร ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่ไม่สะดวก
                  คนพามาตรวจไม่ได้เป็นคนดูแลตลอด และไม่สามารถถ่ายทอดให้คนดูแลต่อได้ เมื่อมีช่องทางติดต่อทางไลน์

                  เกิดความสะดวกในการติดต่อสอบถาม มีทีมสหสาขาวิชาชีพให้สามารถปรึกษาได้ มีข้อมูลที่ทันสมัย เข้าใจง่าย
                  สามารถส่งต่อให้คนดูแลคนอื่นนอกเหนือจากคนที่พามาตรวจได้ มีการติดตามเยี่ยมบ้านรู้สึกเหมือนมีเจ้าหน้าที่
                  ดูแลใกล้ชิด เกิดสัมพันธภาพที่ดี อบอุ่น และเอื้ออาทร สิ่งเหล่านี้เรียกว่าคุณค่า และเป็นคุณภาพจากการดูแล
                  ของเรา

                  สรุปและข้อเสนอแนะ

                         โปรแกรมการชี้แนะผู้ดูแลเด็กวัยเรียนโรคหืดแบบบูรณาการร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ ทำให้ผู้ดูแล
                  เด็กมีความรู้ ความสามารถ เกิดทักษะ ความชำนาญในการดูแลเด็กโรคหืด ส่งผลให้ผู้ดูแลเด็กโรคหืดมีความรู้
                  และมีพฤติกรรมการดูแลเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจึงสามารถนำโปรแกรมการชี้แนะนี้ ไปส่งเสริมผู้ดูแลเด็กโรคหืดได้
                  ข้อเสนอแนะ ควรมีการติดตามการศึกษาต่อในระยะเวลานานเป็นปี ซึ่งอาจส่งผลต่อการ Re visit และ

                  Re Admit  และนำการวิจัยนี้ไปใช้เป็นแนวทางในการศึกษาการชี้แนะ ความรู้ และพฤติกรรมการดูแลเด็กโรคอื่น ๆ
   250   251   252   253   254   255   256   257   258   259   260