Page 253 - Best Practice Poster 2024 (อัพเดต)
P. 253

F11


                      ผลของโปรแกรมการชี้แนะผู้ดูแลเด็กวัยเรียนโรคหืดแบบบูรณาการของสหสาขาวิชาชีพ
                                                โดยใช้วิธีติดตามสุขภาพทางไกล

                  The effect of coaching program among caregiver school-age children with asthma

                              integrated multidisciplinary teams using telehealth methods.


                                   นางสุกัญญา พินหอม, ปัญญาดา วงศ์สมบัติ, ฐิติมา แซ่แต้, เภสัชกรหญิงภาวนา รัตนทิพา,
                                                     นายแพทย์อธิพัฒน์ อธิพงษ์อาภรณ์, แพทย์หญิงอาภานุช พันธุ์เทียน
                                                 โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เขตสุขภาพที่ 4

                                                                                               ประเภท วิชาการ

                  ความสำคัญของปัญหาวิจัย
                         โรคหืด (Asthma) เป็นโรคเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก และมีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นทุกปี (WHO, 2023)

                  ซึ่งเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคหืดในประเทศไทย มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในรอบ 20 ปี
                  ส่วนใหญ่เป็นเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ และร้อยละ 80 ของผู้ป่วยมีภูมิแพ้จมูกร่วมด้วย (เว็บไซต์ Hfocus.org เจาะลึก
                  ระบบสุขภาพ; 2566) จากข้อมูลสถิติ OPD เด็ก โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา พบว่าโรคหืดเป็นโรค Top 5
                  ของแผนก โรคหืดยังเป็นโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อเด็ก ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม

                  (Lozier et al., 2019) ผู้ดูแลเด็กจำเป็นจะต้องให้ความร่วมมือในการดูแลรักษาด้วยการปฏิบัติตามแผนการรักษา
                  และมีพฤติกรรมการดูแลตนเองอย่างถูกต้อง เพื่อควบคุมอาการหืดกำเริบ
                         เด็กวัยเรียน เป็นเด็กที่มีอายุ 7-12 ปี เด็กวัยนี้จะมีความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้

                  แต่ก็ยังต้องพึ่งพาผู้ดูแลในการส่งเสริม และควบคุมกำกับติดตามพฤติกรรมของเด็ก (Hockenberry and
                  Wilson, 2015) มีการศึกษา พบว่า ผู้ดูแลเด็กยังมีพฤติกรรมการดูแลเด็กโรคหืดไม่เหมาะสม  โดยไม่นำเด็กมารักษา
                  ต่อเนื่อง เพราะคิดว่าเด็กหายป่วยแล้ว บางครั้งพ่นยาไม่ถูกวิธี ลืมพ่นยา และพ่นยาผิดชนิด (อกนิษฐ์ กมลวัชรพันธุ์,
                  2555) และจากการรวบรวมข้อมูลที่ OPD เด็ก โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา พบว่า ร้อยละ 80 ผู้ดูแลยังมีพฤติกรรม
                  การดูแลที่ไม่ถูกต้อง ให้เด็กพ่นยาเองโดยไม่ได้กำกับ และผู้ดูแลเด็กที่บ้านเป็นคนละคนกับที่พามาตรวจ หรือสลับกัน

                  ดูแล จากการศึกษา พบว่า มีการศึกษาการดูแลเด็กโรคหืดหลายรูปแบบ แต่จำนวนผู้ป่วยยังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
                  มีอาการหืดกำเริบได้บ่อย นั่นแสดงให้เห็นว่ารูปแบการสอนยังไม่มีความเหมาะสมกับผู้ดูแลเด็ก
                         ผู้วิจัยจึงสร้างโปรแกรมการชี้แนะผู้ดูแลเด็กวัยเรียนโรคหืดแบบบูรณาการร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ

                  โดยใช้วิธีติดตามสุขภาพทางไกล เพื่อให้ผู้ดูแลเด็กสามารถดูแลเด็กได้อย่างถูกต้อง ลดภาวะแทรกซ้อน
                  และป้องกันหืดกำเริบ โดยใช้แนวคิดการชี้แนะของ Girvin (1999) ซึ่งใช้เทคนิคการสอน ควบคู่กับการสาธิต
                  การติดตามทาง Telehealth โดยใช้ระบบไลน์ ซึ่งมีผู้วิจัย และผู้ร่วมวิจัยสหสาขาวิชาชีพเป็นผู้สอน ชี้แนะ
                  ให้กำลังใจ สร้างความมั่นใจ เน้นย้ำความรู้ และทักษะของผู้ดูแลเด็กแต่ละบุคคลที่แตกต่างกัน มีการประเมิน

                  ผู้เรียนตลอดเวลา นอกจากนั้นมีการติดตามทางการเยี่ยมบ้าน มีช่องทางติดต่อสอบถามทางไลน์กลุ่ม รวมทั้ง
                  มีแหล่งความรู้ หลักการดูแลเด็กโรคหืด และมีการส่งข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยเมื่อกลับไปอยู่บ้าน เพื่อเป็นการกระตุ้น
                  เตือนให้เกิดพฤติกรรมการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน
                  วัตถุประสงค์การศึกษา

                         1. เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยความรู้ และพฤติกรรมของผู้ดูแลเด็ก ภายหลังได้รับโปรแกรม
                  การชี้แนะผู้ดูแลเด็กวัยเรียนโรคหืดแบบบูรณาการของสหสาขาวิชาชีพ ระหว่างกลุ่มทดลองกับกลุ่มควบคุม
   248   249   250   251   252   253   254   255   256   257   258